เรียกว่ามาแรงแบบหยุดไม่อยู่ สำหรับซีรี่ส์พัตเตอร์ O-Works จากทาง Odyssey หลังชูโรงมาด้วยเทคโนโลยีหน้าพัตเตอร์แบบใหม่ “Microhinge” จนประสบความสำเร็จอย่างมากในปีที่ผ่านมา
Microhinge เป็นเทคโนโลยีการอินเสิร์ทหน้าพัตเตอร์แบบใหม่ที่ Odyssey คิดค้นและพัฒนา ก่อนนำมาใช้ในรุ่น O-Works เป็นรุ่นแรก กับหน้าพัตเตอร์ที่ผสมผสานระหว่างแผ่นสแตนเลสสตีลรูปทรงคล้ายตะขอเข้ากับชั้น Thermoplastic Elastomer เพื่อให้เกิดการท็อปสปิน ลดการไถล และส่งลูกกอล์ฟให้กลิ้งเกาะไลน์ทันทีหลังอิมแพ็ค ไม่ว่ารูปแบบการสโตรกพัตต์ของนักกอล์ฟจะเป็นเช่นใดก็ตาม
ขณะที่เมื่อช่วงปลายปีก่อน Odyssey ขยายไลน์ของ O-Works ด้วยการส่งสองสีใหม่ Red & Black ออกมา ตามคอนเซ็ปต์สีแดงที่เป็นสีที่ร้อนแรงที่สุดของทัวร์ ขณะที่สีดำจะให้รูปลักษณ์สะอาดตา ดูเรียบง่ายเมื่อจรดลูก
และในปี 2018 Odyssey ได้เพิ่มโมเดลให้กับไลน์ Red & Black กับทรงมัลเล็ทที่มีทั้งแบบ face-balance สำหรับนักกอล์ฟที่มีแนวการพัตต์แบบตรง รวมถึงโมเดล S สำหรับนักกอล์ฟที่มีแนวพัตต์แบบโค้งเล็กน้อย แต่ยังต้องการรูปลักษณ์ของพัตเตอร์แบบทรงมัลเล็ท
โมเดลที่ถูกเสริมเข้ามามี อาทิ Jailbird Mini และ Jailbird Mini S พัตเตอร์ทรงแบบมีเขี้้ยวถ่วงน้ำหนักด้านหลังสองข้าง แต่มีการเพิ่มบาร์เชื่อมทั้งสองฝั่งเข้ามา เพื่อให้ MOI สูงสุด เส้นเล็งเป็นแบบจุดสามจุด, 2-Ball Fang และ 2-Ball Fang S โมเดลทรงยอดนิยมของ Odyssey ที่ปรับแต่งให้มีเขี้ยวถ่วงน้ำหนักสองข้างเพิ่มเติม รวมถึง Marxman ที่คล้ายกันกับ 2-Ball Fang แต่เปลี่ยนโครงสร้างและแนวพัตต์เป็นแบบตรง
นักกอล์ฟที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมของ Odyssey O-Works Red & Black โมเดลใหม่เหล่านี้ สามารถสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้โดยตรงที่ บริษัท ลีโอเนียน (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-056-1880