MR.GENE SAUNDERS, “ถ้าต้องการเล่นกอล์ฟได้ดีขึ้น คุณต้องลอง TITLEIST T-SERIES ของเรา”
ถือเป็นแขกรับเชิญประจำของ HotGolf เสมอ สำหรับ Mr. Gene Saunders, Titleist Golf Club Product Manager S.E Asia ที่มักจะให้เกียรติสัมภาษณ์แนะนำโปรดักส์ใหม่ๆ กับเราทุกครั้งในเวลาที่ Titleist ลอนอุปกรณ์รุ่นใหม่ออกมา
ครั้งนี้ก็เช่นกันกับงานเปิดอุปกรณ์ชุดเหล็กรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง T-Series, 620 ตลอดจนเหล็กยูทิลิตี้ U Series และไฮบริด TS คุณ Saunders ยังคงให้เกียรติกับเราอีกครั้งกับการแนะนำจุดเด่นของอุปกรณ์รุ่นใหม่ ที่ครั้งนี้สำคัญจริงๆ ครับเพราะเป็นลอนช์รวดเดียวรวมแล้วถึง 9 โมเดลย่อยเลยทีเดียว
คุณ Saunders ย้ำกับเราฝากไปถึงนักกอล์ฟควรต้องหาโอกาสไปลองอุปกรณ์รุ่นใหม่จาก Titleist นี้ให้ได้ครับ โดยเฉพาะเหล็กยูทิลิตี้ U Series ที่ตีง่ายผลงานดีแม้แต่ตัวเขายังตกใจเลยทีเดียว!
HG : ความประทับใจแรกที่มีต่อเหล็กรุ่นใหม่ T-Series และ 620 ของคุณเป็นอย่างไรบ้าง
Mr.Saunders : ความประทับใจแรกของผมคือ มันว้าวมาก! มันแตกต่างออกไปเลยจากรุ่นที่ผ่านๆ มา ผมคิดว่ามันเป็นเหล็กที่เกิดจากความต้องการของเหล่าผู้เล่นอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาเราพยายามเสมอเพื่อให้เหล็กของเรามีประสิทธิภาพอย่างที่นักกอล์ฟนั้นต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการให้มันมีความกะทัดรัดมากที่สุด แต่เราทุกคนรู้ดีว่า เราต้องการยกระดับประสิทธิภาพเหล็กของเราให้ก้าวขึ้นไปในอีกระดับ เหมือนอย่างเช่นที่มันเกิดขึ้นในเหล็กรุ่นใหม่ของเรา และความประทับใจแรกของผมก็คือ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ นอกจากนี้มันยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ผมเองได้สัมผัสเหล็กรุ่นใหม่นี้ครั้งแรกตอนอยู่ที่สหรัฐฯ และเหล็กที่ผมใช้คือ 620CB มันเป็นอะไรที่น่าประทับใจ และก็น่าตื่นเต้นอย่างยิ่งที่จะได้เห็นมันวางขายในเร็วๆ นี้
HG : อะไรคือเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงชื่อรุ่นมาใช้ชื่อใหม่
Mr.Saunders : แน่นอนว่าเรามีชื่อรุ่นที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานมากๆ โดยเฉพาะชื่อของ AP2 ที่ได้รับความนิยมมาก แต่ผมคิดว่ามันมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่เสมอในเรื่องของไลน์โปรดักส์ และ T-Series ก็เป็นการพัฒนาที่ยกระดับขึ้นมาจาก AP Series นอกจากนี้ยังมีเรื่องของเทคโนโลยีใหม่ที่เรานำมาใช้เป็นครั้งแรกกับ T-Series รวมถึงการเรียงลำดับไลน์โปรดักส์ใหม่ เพื่อให้นักกอล์ฟสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย
HG : เทคโนโลยี Max Impact ทำงานอย่างไร
Mr.Saunders : เทคโนโลยี Max Impact มีคุณสมบัติที่สำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการช่วยให้เราสามารถออกแบบหน้าเหล็กของ T200 และ T300 ให้บางยิ่งกว่าเดิม และหน้าเหล็กที่บางขึ้นก็หมายถึงมุมเหินที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หน้าไม้ที่บางขึ้นก็ให้ทำจุดกึ่งกลางหน้าเหล็กมีค่าความเร็วที่เกินกำหนด และ Max Impact ก็ช่วยให้เรายังรักษาความเร็วนี้ไว้ในบริเวณรอบนอกของหน้าเหล็ก แต่ลดความเร็วของจุดกึ่งกลางลง นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนในการช่วยลดแรงสั่นสะเทือน รวมถึงการให้เสียง และฟีลลิ่งการอิมแพ็คอย่างที่นักกอล์ฟนั้นต้องการอีกด้วย เหมือนสโลแกนที่เรานำมาใช้ในครั้งแรกว่า นี่คือเหล็กที่ให้ความรู้สึกในแบบของ Titleist อย่างแท้จริง
HG : เหล็กในครั้งนี้มาพร้อมกับชื่อรุ่นใหม่ดังนั้นมันเป็นอย่างไรและเหมาะกับนักกอล์ฟแบบไหนบ้าง
Mr.Saunders : ผมขอไล่ตั้งแต่ T300 ที่จะเหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการระยะทางสูงสุด และการชดเชยความผิดพลาดที่สูงสุด เป็นเหล็กที่สามารถใช้ได้กับผู้เล่นทุกระดับฝีมือ จากนั้นผมขอข้ามไปที่ T100 มันเป็นเหล็กที่มีรูปทรงสำหรับนักกอล์ฟมือดี เน้นประสิทธิภาพในเรื่องการคอนโทรล และแต่งช็อต โดยไม่ต้องการตัวช่วยเรื่องของระยะทาง ขณะที่รุ่น T200 เป็นกึ่งกลางสองรุ่นก่อนหน้านี้ มีรูปทรงสำหรับผู้เล่นมือดี แต่ขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับการสร้างระยะทางด้วยเช่นกัน
ขณะที่ 620MB มาพร้อมกับรูปทรงแบบดั้งเดิม ขนาดกะทัดรัด และให้ฟีลลิ่งที่หนักแน่น เหมาะกับผู้เล่นที่ให้ความสำคัญกับการแต่งช็อต ส่วน 620CB เป็นเหล็กสำหรับผู้เล่นมือดีรูปทรงดั้งเดิมเช่นกัน แต่มีคุณสมบัติการชดเชยความผิดพลาดที่มากกว่า เมื่อเทียบกับ MB
HG : ฟีดแบ็คในทัวร์เป็นอย่างไร
Mr.Saunders : ฟีดแบ็คยอดเยี่ยมมาก ถึงตอนนี้ T100 กลายเป็นเหล็กที่ถูกหยิบใช้มากที่สุดใน PGA Tour เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับ 620 ที่ก็มีผู้เล่นเลือกใช้เป็นจำนวนไม่น้อยเช่นกัน ความน่าสนใจพวกเขาใช้เวลาเร็วมากในการตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้เหล็กรุ่นใหม่ของเรา
HG : ปัจจุบันไม้ไฮบริดค่อนข้างได้รับความนิยมมากสำหรับนักกอล์ฟ มันจะเป็นการยากหรือไม่ในชักจูงใจให้พวกเขาใช้เหล็กยูทิลิตี้
Mr.Saunders : มันเป็นโจทย์ที่เราทำการบ้านมาตลอดกับผู้เล่นในทัวร์ และทราบว่าพวกเขายินดีมากกับการมีไม้ไฮบริดในถุง แต่ขณะเดียวกันมันก็สำคัญมากที่พวกเขาจะมีตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้น สิ่งที่พวกเขาต้องการคืออุปกรณ์ที่ทำงานได้เหมือนไฮบริด แต่มาในรูปลักษณ์ของเหล็ก ผมคิดว่าไม้ไฮบริดเป็นอุปกรณ์ที่ดีมากๆ แต่มันอาจยังไม่สามารถแต่งช็อตได้ดีเท่ากับเหล็กยูทิลิตี้ มันเป็นพื้นที่ที่ยังต้องการการเติมเต็ม และเราก็เสริมพื้นที่ตรงนั้นให้นักกอล์ฟได้มีตัวเลือกที่เพิ่มมากขึ้น
HG : U Series มีเหล็ก 1 ด้วยคุณทดสอบแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
Mr.Saunders : ตอนแรกที่ผมได้ทดสอบมัน ต้องบอกเลยว่ามันลอยออกไปสวยงามมาก ทั้งไกลทั้งโด่ง จนผมแอบคิดกับตัวเองเลยว่านี่เราฟลุคหรือเปล่า (หัวเราะ) จนต้องลองอีกหลายครั้งถึงรู้ว่าผมไม่ได้ฟลุคจริงๆ มันเหนือความคาดหมายมาก และค่าต่างๆ ที่ได้ออกมาก็น่าพอใจมาก ผมคิดว่าผู้เล่นในทัวร์เองก็พอใจกับ U Series มากเช่นกัน ดังที่เราได้เห็นพวกเขาหลายคนหยิบไม้ไปใช้ในดิโอเพ่น สิ่งที่ผมอยากบอกคือมันเป็นเหล็กยาวที่ทำงานได้ดีมาก
HG : ไม้ไฮบริดกลับมาอยู่ในซีรี่ส์เดียวกับไดรเวอร์อีกครั้ง เพราะอะไร
Mr.Saunders : เป็นอีกครั้งที่ผมต้องบอกว่าเราให้ความสำคัญกับเรื่องของเทคโนโลยีที่นำมาใช้ในแต่ละรุ่น เทคโนโลยีที่ใช้ในไม้ไฮบริดนั้นต่างออกไปเลยกับที่ใช้ในเหล็ก เนื่องจากมันเป็นเทคโนโลยีที่มาจากไดรเวอร์และหัวไม้แฟร์เวย์ นอกจากนี้มันยังมีแคเรกเตอร์ในแบบเดียวกันกับตระกูล TS จึงทำให้ไม้ไฮบริดกลับมาอยู่ร่วมซีรี่ส์เดียวกับไดรเวอร์อีกครั้ง
HG : ทิ้งท้ายคุณอยากบอกอะไรกับนักกอล์ฟชาวไทยว่า ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเปลี่ยนเหล็กชุดใหม่
Mr.Saunders : ผมอยากบอกพวกเขาว่า ถ้าคุณต้องการเล่นกอล์ฟได้ดีขึ้น คุณควรต้องลองทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรา โดยเฉพาะ T-Series นั้นมีเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก ถ้าคุณให้ความสำคัญกับการลดสกอร์ ก็อยากให้มาลองไม้กอล์ฟรุ่นใหม่ของเราดูครับ