เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับเวดจ์รุ่นใหม่ล่าสุด Cleveland RTX 6 ZipCore ที่พวกเขายืนยันว่านี่จะเป็นเวดจ์รุ่นที่สามารถสร้างสปินได้สม่ำเสมอที่สุดเท่าที่เคยมีมาเลยทีเดียว
เวดจ์ที่ดีคือ เวดจ์ที่สามารถสร้างสปินได้สูงสุด แต่ที่เหนือกว่านั้นคือ ต้องสามารถสร้างสปินได้สูงสุด “อย่างสม่ำเสมอ” ในทุกช็อต จากทุกไลการเล่น และทุกสภาพอากาศ
วิศวกรของ Cleveland ทุ่มเทอย่างหนัก เพื่อตอบโจทย์เป้าหมายนี้ และนั่นจึงเป็นที่มาของเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่ “HydraZip”
เทคโนโลยี HydraZip ถูกพัฒนาเพื่อเข้ามาช่วยให้หน้าเวดจ์ยังสามารถสร้างอัตราสปินได้สูงสุดแม้ในสภาพสนามที่เปียกชื้น ไล่ตั้งแต่การทำความร้อนแบบ Dynamic ทำให้หน้าเวดจ์มีความหยาบมากขึ้น เสริมด้วยการใช้เลเซอร์ในการเซาะร่องหน้าไม้แบบใหม่ ให้มีร่องแบบไมโครในแนวทแยงจากร่องหลัก เพื่อให้สามารถสร้างแรงเสียดทานต่อลูกในทุกสภาพอากาศ และกลายเป็นอัตราสปินที่สูงขึ้น
นอกจากสปินที่สูงขึ้นแล้ว HydraZip ยังถูกออกแบบให้เหมาะสมแตกต่างในเวดจ์แต่ละองศา ตามกลุ่มองศาระหว่าง 46–48, 50–52 และ 54-60 องศา โดยเฉพาะในเวดจ์องศาสูงต้องการผิวที่มีแรงเสียดทานสูงกว่า จึงเพิ่มร่องจากเลเซอร์ให้ถี่ยิ่งขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มการเสียดทานให้มีสปินสูงขึ้น เพื่อเพิ่มความแม่นยำให้สูงขึ้นตามไปด้วย
จากการทดสอบ ผลปรากฎว่าร่องแบบใหม่เมื่อใช้เล่นในสภาพอากาศที่เปียกชื้น จะให้อัตราสปินที่สูงขึ้นถึง 43% เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน
นอกจากร่อง HydraZip ในส่วนของร่องหลัก UltiZip มีการพัฒนาใหม่เช่นกัน ด้วยการวิเคราะห์มากกว่า 1,000 ครั้งเพื่อค้นหาดีไซน์ร่องหน้าไม้ให้เหมาะสมที่สุดในการเล่นลูกสั้น ที่จะช่วยสร้างสปิน การควบคุม และการตีที่สม่ำเสมอขึ้น ผลลัพธ์คือแนวร่องที่คมและลึกเรียงกันแบบพิเศษลงตัวกับพื้นที่หน้าเวดจ์ นั่นคือ UltiZip ที่ร่องหน้าเวดจ์จะทั้งคมยิ่งขึ้น ลึกขึ้น และอัดแน่นขึ้นกว่าเดิม
ร่องหน้าเวดจ์ที่คมกว่าเดิม จะช่วยให้ตีผ่านหญ้าและเศษหินดินทรายต่างๆ ได้ดีขึ้น ไม่ติดอยู่บริเวณที่หน้าเวดจ์ขณะเข้าปะทะลูก จึงช่วยเพิ่มความสม่ำเสมอในทุกช็อต พร้อมเพิ่มแนวร่องพิเศษอีก 2 ร่อง เพื่อทำให้การปะทะลูกดีกว่าเดิม และสามารถสร้างสปินได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
นอกจากความสม่ำเสมอในการสร้างสปินแล้ว RTX 6 ZipCore ยังมาพร้อมกับความสม่ำเสมอในการเข้าปะทะลูกด้วยเช่นกัน ด้วยเวอร์ชั่นใหม่ของ ZipCore เทคโนโลยีเฉพาะของ Cleveland กับการพัฒนาวัสดุพิเศษผสมกันระหว่างอลูมินัมและซิลิเกต เข้ามาใส่ในบริเวณคอไม้ ซึ่งมีน้ำหนักเบา ความหนาแน่นต่ำ แล้วนำน้ำหนักที่ลดทอนออกไปจากการใส่วัสดุพิเศษนี้ มาจัดวางใหม่ ให้ได้ตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงที่ดีขึ้น ตรงจุดที่ปะทะลูก ทำให้นักกอล์ฟควบคุมการเล่นเวดจ์ได้อย่างสม่ำเสมอ เวดจ์ช่วยชดเชยความผิดพลาดได้สูง และยังได้ความรู้สึกที่ดีขึ้นอีกด้วย
และเพื่อตอบโจทย์รูปแบบการเล่นลูกสั้นที่หลากหลาย ใน Cleveland RTX 6 ZipCore มาพร้อมตัวเลือกรูปแบบการเจียรฐานถึง 4 รูปแบบ ประกอบด้วย Low (Bounce 6) ในตัวเลือก 58-60 องศา และ Low+ (Bounce 8) ในตัวเลือก 54-58 องศา รูปทรงฐานแบบตัว C ที่เหมาะสำหรับนักกอล์ฟตีกวาด ไดวอทน้อย
ต่อมาคือ Mid (Bounce 10) ในตัวเลือก 46-60 องศา รูปทรงฐานแบบตัว V มีจุดเด่นที่สามารถเล่นกับรูปแบบสภาพสนามที่หลากหลาย ไดวอทปานกลาง และสุดท้ายคือ Full (Bounce 12) ในตัวเลือก 54-60 องศา เหมาะกับสนามที่ค่อนข้างนุ่ม และนักกอล์ฟที่สวิงชัน รอยไดวอทลึก
รวมถึงตัวเลือกการเจียรฐานที่หลากหลายแล้ว สันขอบหน้าเวดจ์ หรือ Leading Edge ในแต่ละแบบก็แตกต่างกันด้วย Low และ Low+ จะมีความแหลมมากที่สุด เพื่อทำให้การเข้าบอลดีที่สุด, Mid จะมีขนาดกลางๆ เพื่อรองรับการเล่นที่หลากหลาย ส่วนในแบบ Full จะมีลักษณะมนที่สุด เพื่อป้องกันการตีขุด
Cleveland Wedge RTX 6 ZipCore มีกำหนดวางขายอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 20 มกราคมนี้ ด้วยราคาขายทั่วไปชิ้นละ 7,750 บาท โดยมีให้เลือกตั้งแต่ 48-60 องศา พร้อมตัวเลือกก้านระหว่าง DG S200, NS Pro Modus 120 และ NS Pro 950GH Neo
**พิเศษ!! สำหรับสมาชิก HotGolf เวดจ์ Cleveland Wedge RTX 6 ZipCore ราคาพิเศษเหลือเพียงชิ้นละ 6,200 บาท
ช่องทางการติดต่อสอบถาม และชำระเงิน