ต้องสารภาพตามตรงว่าสมัยเล่นกอล์ฟใหม่ๆ ผมเคยแอบสงสัยว่าทำไมสนามกอล์ฟบางแห่งถึงต้องมี 27 หลุม ทั้งที่นักกอล์ฟก็เล่นกันแค่ 18 หลุม กระทั่งเป็นสนามกอล์ฟ “แหลมฉบัง อินเตอร์เนชั่นแนล คันทรีคลับ” ที่ทีมงาน HotGolf ของเรามาได้รีวิวในฉบับนี้กันนั่นเอง ที่ทำให้ผมได้ทราบถึงคำตอบ
นั่นก็เพราะว่าสนามกอล์ฟที่มี 27 หลุม สามารถปิดคอร์ส 9 หลุมคอร์สใดคอร์สหนึ่ง เพื่อปรับปรุงคอนดิชั่นโดยไม่มีผลกระทบต่อการเล่น 18 หลุมของนักกอล์ฟ และนั่นทำให้สภาพของสนามกอล์ฟแหลมฉบังอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์สูงสุดอยู่ตลอดเวลา เหมือนเช่นดังที่เราได้มารีวิวกันในครั้งนี้
โดยทางสนามเพิ่งปรับปรุงคอร์ส A (Mountain) จนแล้วเสร็จ และกลับมาเปิดให้บริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องยอมรับว่าสมราคามาก เพราะแฟร์เวย์เนียนดุจพรมเลยทีเดียว แม้แต่ตัวรัฟก็ยังเนียนไม่แพ้กัน โดยส่วนหนึ่งที่สนามต้องรักษาคุณภาพและคอนดิชั่นไว้ให้อยู่ในมาตรฐานสูงสุดเช่นนี้ เพราะต้องการให้อยู่ในมาตรฐานที่ผู้ออกแบบคือ แจ็ค นิคลอส นั้นรับรอง และเป็นเพียงสนามกอล์ฟเดียวในไทยด้วยที่ผ่านมาตรฐานนี้จาก “ปู่หมีทอง”
แนะนำเลยครับ แถมทางสนามกำลังจัดโปรโมชั่นวันธรรมดาแพ็คเกจรวมแค่ 1,900 บาทเท่านั้น บอกเลยคุ้มค่าเกินราคามากครับ
Course condition and layout
คอร์สที่ทีมงาน HotGolf ได้มารีวิวและทดสอบในครั้งนี้คือ คอร์ส A (Mountain) และคอร์ส B (Lake) ซึ่งต่างมีแคเรกเตอร์ที่ชัดเจน แต่ทั้งสองคอร์สจะให้ความรู้สึกของเป็นการสนามเขาที่มีต้องตีทางขึ้นทางลง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกรีนที่มีสโลปตามธรรมชาติอยู่แล้ว หลายหลุมมีความเจ้าเล่ห์ที่ต้องใช้ความปราณีตในการพัตต์อย่างมาก
คอร์ส A จะให้ความรู้สึกของการเล่นที่ลัดเลาะไปตามอุปสรรคทางธรรมชาติ ที่ทางสนามยังรักษาธรรมชาติรอบข้างไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นทิศทางการเล่นจึงเป็นสิ่งสำคัญ เสริมด้วยบังเกอร์ทรายที่เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์การดีไซน์ของ แจ็ค นิคลอส ที่จะวางเป็นกับดักเอาไว้ที่ถ้าตกลงไปจะเล่นยากทันที ส่วนคอร์ส B จะมีอุปสรรคน้ำเข้ามามีส่วนกับการเล่นมากขึ้น แต่ไม่บีบมากจนเกินไป
โดยรวมทั้งสองคอร์สสามารถเล่นสนุกได้กับนักกอล์ฟทุกระดับฝีมือ ท้าทาย แต่ไม่ใจร้าย หลายหลุมแม้ผิดพลาดแต่ก็ยังเปิดโอกาสให้แก้ตัวได้ ถือว่าเป็นสนามที่เล่นสนุกทีเดียว แถมยังมาพร้อมกับคอนดิชั่นที่ยอดเยี่ยม ชนิดที่ไม่รู้จะติอะไรเลยจริงๆ ครับ
Signature Hole
#B6 Par 4 Hcp.1 Dist.441/428/402/377 yards.
ซิกเนเจอร์โฮลของสนามกอล์ฟแหลมฉบัง เรียกว่าตั้งอยู่หน้าสนามเกือบติดถนนเลยทีเดียว กับหลุม 6 พาร์ 4 ของคอร์ส B โดยเป็นหลุมที่ท้าทายในสไตล์ Risk-Reward จากช็อตไดร์ฟบริเวณแฟร์เวย์จะมีอุปสรรคน้ำคั่นกลางที่ระยะ 250 หลา จึงต้องวางตัวก่อน โดยด้านขวาจะมีบังเกอร์สำหรับนักกอล์ฟที่ตีสไลซ์หลุดมาด้วย จากนั้นเลย์เอ้าท์จะเป็นด็อกเลกขวาที่มีอุปสรรคหลักเป็นบ่อน้ำขนาดใหญ่ ความน่าสนใจคือ อุปสรรคน้ำจะอยู่ชิดขอบกรีนเลย ทำให้ระยะขึ้นกรีนต้องแม่นยำพอสมควร แต่ถ้าไม่มั่นใจก็เปิดโอกาสให้เล็งด้านซ้ายของกรีนที่จะมีพื้นที่ให้วางตัวเยอะกว่า แต่ถ้ามั่นใจที่จะขึ้นกรีน และทำได้ดี ก็มีรางวัลให้แน่นอน หลุมนี้ความยากแฮนดิแคป 1 อยู่ที่การตัดสินใจในช็อตขึ้นกรีนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าคุณไดร์ฟได้ดี ระยะขึ้นกรีนอยู่ในระยะหวังผลก็แนะนำให้จัดเลยครับ
Recommended Hole
#B6 Par 5 Hcp.11 Dist.572/540/504/442 yards.
จริงๆ ที่สนามแหลมฉบังมีหลายหลุมเลยที่สวยงามมาก เหมาะแก่การเป็นหลุมแนะนำของเรา แต่หลุมที่ตราตรึงใจทีมงานทุกครั้งที่ได้มาสัมผัสที่นี่ และเป็นเอกลักษณ์ของสนามเลย นั่นคือหลุมจบหลุม 18 หรือคือหลุม 9 ของคอร์ส B นั่นเอง
หลุมนี้เป็นหลุมพาร์ 5 ที่ท้าทายตั้งแต่ช็อตไดร์ฟที่จะค่อนข้างบีบพอสมควร ด้วยแนวทแยงเข้าหาแฟร์เวย์ โดยด้านซ้ายมีบังเกอร์ที่ถ้าต้องตีข้ามจะอยู่ที่ระยะราว 230 หลา ซึ่งถ้าตีข้ามได้จะตัดระยะไปได้เยอะ แต่ถ้าไม่มั่นใจก็ยังมีพื้นที่แฟร์เวย์ด้านขวาให้วางตัวได้เช่นกัน ขณะที่ช็อตสองนักกอล์ฟจะต้องตีไปวางตัวบริเวณด้านหน้าคลับเฮ้าส์ ซึ่งตรงนี้สำคัญมากเพราะจะมีผลต่อมุมขึ้นกรีน และนี่ล่ะครับคือไฮไลท์ของหลุมนี้ เนื่องจากตัวกรีนจะถูกซ่อนอยู่หลังเนินเขา และมีต้นไม้ใหญ่อยู่บนนั้นด้วย ถ้าวางตัวตำแหน่งไม่ดีก็จะขึ้นกรีนยากนิดหนึ่ง เพราะจะถูกต้นไม้และเนินเขาบังให้ต้องตีข้าม หลุมนี้จะง่ายจะยากอยู่ที่ตำแหน่งการวางตัวจากช็อตสองนี่ล่ะครับ แต่ถ้าวางตัวไม่ดีแล้วต้องตีข้ามเนินเขากับต้นไม้ มันก็สนุกท้าทายดีเหมือนกัน นี่ล่ะครับยากแต่สนุกของจริง
Signature Dish
สนามกอล์ฟแหลมฉบังถือเป็นหนึ่งในสนามกอล์ฟที่เป็นหน้าเป็นตาของวงการกอล์ฟบ้านเราอย่างแท้จริง ที่ผ่านมาได้ถูกใช้รับแขกจากต่างชาติมาตลอด จากหลายๆ โครงการของสมาคมผู้บริหารสนามกอล์ฟภาคตะวันออก ส่วนหนึ่งนอกจากเพราะตัวสนามที่โดดเด่นแล้ว ก็เพราะเมนูอาหารของที่นี่ที่มีความเป็นนานาชาติมาก
อาทิ เมนูที่ทางสนามนำมาแนะนำเราในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นสเต๊กเนื้อสตริปลอยน์ ซึ่งเป็นเนื้อส่วนที่อร่อยมาก มีความนุ่ม และชุ่มฉ่ำกำลังดี ย่างมาแบบแรร์นิดๆ ทานคู่กับซอสไวน์แดงเข้ากันมาก หรือจะเป็นเมนูสำหรับนักกอล์ฟชาวญี่ปุ่นอย่างชุดเบนโตะข้าวแซลมอนย่างซีอิ๊ว ที่เหมาะอย่างยิ่งกับคนที่ชอบทานอาหารเซ็ตเดียวจบ เพราะเสิร์ฟมาทั้งปลาแซลม่อนย่าง ทานคู่เต้าหู้และสลัดญี่ปุ่น เรียกว่าครบจบเลย
ส่วนเมนูไทยๆ ที่ทางสนามแนะนำเป็นปลากระพงทอดน้ำปลา ที่ทอดมากรอบนอกนุ่มใน ไม่แห้ง ยังคงรักษาความฉ่ำสดของเนื้อปลาเอาไว้ ตัวซอสน้ำปลาเค็มหวานกลมกล่อม ทานคู่น้ำเครื่องยำตามสูตร เป็นเมนูทานเป็นกับข้าว ที่หลังเล่นกอล์ฟเสร็จไม่จำเป็นต้องไปไหนไกลเลย ทานที่ห้องอาหารของสนามได้ยาวๆ มีเมนูหลายประเภทพร้อมเสิร์ฟ ทานเสร็จแล้วยิงยาวกลับกรุงเทพฯ ได้เลยครับ!!