บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย เตรียมส่ง 2 ขุมพลังอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red รถยนต์ SAV ระบบปลั๊กอินไฮบริดประสิทธิภาพสูง และ บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport หนึ่งในรุ่นย่อยของตระกูลบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนตร์ดีเซล รวมถึงเปิดรับจองบีเอ็มดับเบิลยู M2 ที่มาพร้อมสองตัวเลือกใหม่ กับแพ็คเกจ M Race Track เอาใจสายสปอร์ต ปลดล็อคความเร็วสูงสุด 285 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาพร้อมเบาะ M Carbon Bucket Seat และตัวเลือกสำหรับผู้ที่หลงไหลในเกียร์ธรรมดา ในรุ่น M2 เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
บีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red
XM Label Red รถยนต์รุ่นเรือธงที่รวบรวมเอาขุมพลังและความหรูหรา เพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ให้กับผู้ขับขี่ ซึ่งรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู M เป็นรุ่นที่ทรงพลังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา การขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าจากระบบปลั๊กอินไฮบริด ด้วยความเป็นรถ Sports Activity Vehicle (SAV) ผสมผสานกับรูปลักษณ์ส่วนหน้าที่มีเฉพาะในรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูใน Luxury Class เน้นย้ำคุณลักษณะเฉพาะของบีเอ็มดับเบิลยู XM Label Red และยังมาพร้อมกับการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 พร้อมเทคโนโลยี M TwinPower Turbo ระบบขับเคลื่อน M HYBRID ให้กำลังรวมสูงสุด 550 กิโลวัตต์/ 748 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 1,000 นิวตันเมตร อีกทั้งยังมีระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ M xDrive ช่วยถ่ายทอดกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปและมอเตอร์ไฟฟ้าไปที่ล้อทั้ง 4 อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ระบบเฟืองท้าย M Sport ยังช่วยเสริมสมรรถนะของรถโดยการกระจายกำลังขับเคลื่อนระหว่างล้อหลัง ทำให้รถยึดเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ช่วงล่างแบบ Adaptive M Suspension Professional ที่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go คงระยะห่างระหว่างรถคันหน้าให้สม่ำเสมอ และควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทาง รวมทั้งระบบช่วยจอดรถอัตโนมัต รุ่น Plus ที่ทำให้การจอดรถและการบังคับรถเป็นเรื่องง่าย โดย BMW XM Label Red ผลิตมาในจำนวนจำกัดทั่วโลกเพียง 500 คัน ภายในตัวรถจะมีเลขระบุ “1/500” อยู่บริเวณด้านล่างของจอ Control Display ประกาศราคาอย่างเป็นทางการเร็ว ๆ นี้
บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport
บีเอ็มดับเบิลยู 740d M Sport อีกหนึ่งรุ่นย่อยของตระกูลบีเอ็มดับเบิลยูซีรีส์ 7 ที่มาพร้อมกับเครื่องยนตร์ดีเซลแบบ 6 สูบ แถวเรียงความจุ 3.0 ลิตร บนเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ทำงานควบคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะแบบ Sport Steptronic โดยเครื่องยนต์ดีเซลประสานพลังเข้ากับเทคโนโลยี 48V mild hybrid ให้กำลังสูงสุด 210 กิโลวัตต์/286 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตร BMW 740d M Sport ยังมาพร้อมเอกลักษณ์ Iconic Glow ไฟรูปตัว L ทำหน้าที่เป็นทั้งไฟด้านข้างรถและยังเป็นไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน รูปทรงเรขาคณิตแบบกระจกเสริม ในส่วนของการตกแต่งภายในทาง บีเอ็มดับเบิลยูได้ให้มาแบบจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น ชุดไฟในห้องโดยสารที่สามารถปรับแต่งได้ ขนาดเบาะนั่งที่กว้างยิ่งขึ้นที่มาพร้อมกับฟังก์ชันนวดผ่อนคลายสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหลัง ระบบประตูอัตโนมัติ ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะที่นั่ง และระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ไม่เพียงเท่านี้ BMW 740d M Sport ยังให้ระบบจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลังมาพร้อม Amazon Fire TV ประกอบด้วยหน้าจอสัมผัสขนาด 31.3 นิ้ว ความคมชัด 8K พร้อมระบบเสียงรอบทิศทาง Bowers & Wilkins รีโมทควบคุมแบบสัมผัสบริเวณแผงประตู ม่านบังแสงด้านหลังจะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อจอภาพทำงาน อีกทั้งยังมีระบบนำทางแบบ Augmented View ที่ผสานการแสดงภาพจากกล้องหน้าเข้ากับระบบนำทาง และแสดงภาพบนจอหลังพวงมาลัย นอกจากนี้ยังให้ ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC) ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรค (ABS) ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist) เซอร์ควบคุมความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor) และระบบสร้างเสียงจำลองเตือนผู้ใช้ถนนรอบข้าง ระบบช่วยจอดรถอัจฉริยะ Parking Assistant รุ่น Plus และระบบช่วยเหลือการขับขี่ Driving Assistant รุ่น Plus ในส่วนของราคาจำหน่ายในประเทศไทย จะประกาศอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้
บีเอ็มดับเบิลยู M2
บีเอ็มดับเบิลยู M2 โฉมใหม่ มาพร้อมขุมพลังเบนซิน 6 สูบ เทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ส่งพลังสูงสุด 338 กิโลวัตต์ / 460 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหลัง เกียร์อัตโนมัติ M Steptronic 8 จังหวะ พร้อมระบบ Drivelogic อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชม. ในเวลาเพียง 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับรุ่นเกียร์ธรรมดามาพร้อมกับเกียร์ 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชม. ภายในเวลา 4.3 วินาที ที่ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง บีเอ็มดับเบิลยู M2 ยังให้โหมดการขับขี่ M Drive Professional ช่วยเสริมความเร้าใจในการขับขี่ ระบบเฟืองท้าย M Sport เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน และเสถียรภาพในการขับขี่เมื่อเปลี่ยนเลนหรือเร่งความเร็วออกจากโค้ง ช่วงล่าง Adaptive M Suspension ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้อย่างอิสระระหว่างรูปแบบสะดวกสบายหรือสไตล์สปอร์ต มาพร้อมล้อแม็กซ์สไตล์ 930 M ลาย Double Spoke ด้วยขนาด 19 นิ้วในล้อหน้า และขนาด 20 นิ้วในล้อหลัง ระบบไฟหน้า Adaptive LED ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam assistant) ชุดเบรก M Compound สีแดงเงา และหลังคา M Carbon หลังคาภายในดีไซน์ M Headliner สีดำ Anthracite และคอนโซลด้านบนบุด้วยหนังแบบ BMW Individual ด้วยวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M เข็มขัดนิรภัยดีไซน์ M และพวงมาลัยสไตล์คาร์บอนที่มาพร้อมกับเกียร์ Paddle Shift (เฉพาะรุ่น M Race Track)
BMW Live Cockpit Professional นำเสนอจอแสดงข้อมูลสำหรับคนขับที่ทันสมัยผ่านจอโค้ง BMW Curved Display ซึ่งเป็นระบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ทำงานร่วมกับระบบเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน มาพร้อมจอ Control Display ขนาด 14.9 นิ้ว ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับจอแสดงข้อมูล 12.3 นิ้ว พร้อมทั้งระบบเครื่องเสียงรอบทิศทาง Harman Kardon นอกจากนี้ ระบบ BMW ConnectedDrive และ BMW Connected Package Professional ช่วยให้การขับขี่มีความสะดวกสบายยิ่งขึ้น และยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ล้ำสมัย อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go (ในรุ่น M Race Track) รวมถึงระบบ Driving Assistant และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติในทั้งสองรุ่น
บีเอ็มดับเบิลยู M2 พร้อม Manual Transmission ราคาจำหน่าย: 6,499,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
บีเอ็มดับเบิลยู M2 พร้อมแพ็คเกจ M Race Track ราคาจำหน่าย: 6,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม พร้อมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard)
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือการขับขี่ล้ำสมัย อย่างระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go (ในรุ่น M Race Track) รวมถึงระบบ Driving Assistant และระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติในทั้งสองรุ่นบีเอ็มดับเบิลยู M2 มาให้เลือก 5 สี ได้แก่ สีฟ้า Zandvoort Blue Solid, สีขาว Alpine White, สีเทา Brooklyn Grey Metallic, สีดำ Black Sapphire Metallic และสีแดง Toronto Red Metallic
ลูกค้าสามารถทำการจองบีเอ็มดับเบิลยู M2 ได้ทางออนไลน์ ผ่าน https://shop.bmw.co.th และยังสามารถเลือกปรับแต่งสีภายนอก ภายใน รวมถึงตัวเลือกล้ออีก 2 ตัวเลือก ได้แก่ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา M ลาย 930 M Double Spoke แบบสลับสี หรือสีดำ Jet Black