ทำไมสกอร์กอล์ฟ จึงเป็นชื่อเรียกของ “นก”

นักกอล์ฟเคยสงสัยกันไหมว่าทำการนับคะแนนของกีฬากอล์ฟจึงเป็นการใช้คำว่า “เบอร์ดี้” “อีเกิ้ล” “อัลบาทรอส” ซึ่งเป็นชื่อของนกที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลย เพราะเหตุผลอะไร เหล่าสัตว์ปีกจึงมาเกี่ยวข้องกับกีฬาชนิดนี้ได้ HotGolf จึงจะขอเล่าย้อนเป็นประวัติความเป็นมา ของชื่อเหล่านี้

ความเป็นมาของจุดเริ่มต้น
“โบกี้” คือคำแรกที่กำเนิดขึ้นในระบบนับคะแนนที่ประเทศอังกฤษในช่วงท้ายศตวรรคที่ 19 ในปี 1890 นายฮิวจ์ ร็อตเธอร์แฮม เลขานุการสโมสรกอล์ฟโคเวนทรี ได้เกิดแนวคิดในการกำหนดมาตรฐานจำนวนช็อตในแต่ละหลุมที่นักกอล์ฟที่ดีควรได้ ซึ่งเขาเรียกว่า “กราว์ สกอร์”

ดร.บราวน์ เลขานุการของ Great Yarmouth Club จึงนำแนวคิดนี้มาใช้ และด้วยความยินยอมของนักกอล์ฟในสโมสร การแข่งขันรูปแบบนี้จึงถูกนำมาใช้ในการเล่นแบบแมตช์เพลย์ ในระหว่างการแข่งขันครั้งหนึ่ง คุณซีเอ เวลแมน (อาจเป็นพันตรีชาร์ลส์ เวลล์แมน) อุทานกับ ดร.บราวน์ว่า “ผู้เล่นของคุณคนนี้เป็นคนธรรมดา” (This player of yours is a regular Bogey man) อาจจะเป็นการกล่าวถึงเพลงในห้องโถงดนตรีสมัยเอ็ดเวิร์ด “Hush! Hush! Hush! Here Comes the Bogey Man” ซึ่งเป็นเพลงที่กำลังนิยมในตอนนั้น ดังนั้น ที่ยาร์มัธ และที่อื่นๆ “กราว์ สกอร์” จึงถูกรู้จักกันในนาม “โบกี้”
คำว่า “โบเก้ล” (bogle) คือมีความหมายว่าปิศาจตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และโบกี้แมน เป็นคำที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ซึ่งนักกอล์ฟในตอนนั้น คิดว่าพวกเขากำลังเล่น Mister Bogey เพื่อวัดคะแนนของตัวเองกับคะแนน โบกี้ สิ่งนี้ทำให้เกิดการแข่งขันโบกี้ขึ้น ซึ่งเราจะเรียกว่าการแข่งขันแบบแฮนดิแคป หรือคอกม้า
ในปี 1892 พันเอก Seely-Vidal เลขาธิการ United Servic es Club ที่ Gosport ได้เพิ่ม “bogey” ลงไปในสนามกอล์ฟของเขา United Club เป็นสโมสรบริการ และสมาชิกทุกคนมียศเป็นทหารทั้งนั้น พวกเขาไม่สามารถเทียบชั้นกับ “คุณ” โบกี้ได้ หรือชวนเขาเข้ามาเป็นสมาชิก ดังนั้น “เขา” จึงได้รับยศพันเอกกิตติมศักดิ์ “พันเอกโบกี้” ต่อมาในช่วงกลางศตวรรษที่ 20 คำว่า “โบกี้” จึงถูกใช้เป็นคำศัพท์ที่ตีสกอร์สูงกว่าพาร์

 

ความมั่นคงทางการค้าสู่ศัพท์บนสนามกอล์ฟ
“พาร์” (Par) ซึ่งเป็นคำที่ยืมมาจากบริบทของตลาดหลักทรัพย์ที่หมายความถึง “ราคาฐาน” ในปี 1870 AH Doleman นักเขียนเกี่ยวกับเรื่องกอล์ฟได้ถามนักกอล์ฟมืออาชีพอย่าง David Strath และ James Anderson ว่า ต้องมีคะแนนเท่าไหร่ถึงจะชนะ “The Belt” แล้วก็ถ้วยรางวัลชนะเลิศ “The Open” ที่ Prestwick ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกทุกปีระหว่างปี 1861 ถึง 1870 Strath และ Anderson กล่าวว่าการเล่นได้ดี และเยี่ยมที่สุดควรทำคะแนนได้ 49 สำหรับ 12 หลุมของ Prestwick
Doleman เรียกสิ่งนี้ว่า “พาร์” และต่อมา Young Tom Morris ชนะด้วยคะแนน “over par” สองสโตรกสำหรับสามรอบจาก 36 หลุม แม้ว่าการใช้คำว่า “พาร์” ครั้งแรกในกีฬากอล์ฟจะเกิดขึ้นในสหราชอาณาจักร และกำเนิดจากคำว่า “โบกี้” แต่ระบบการให้คะแนนในตอนนั้นยังไม่ได้มาตรฐาน และคำว่าพาร์ ยังไม่ได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม
จนภายหลัง ในปี 1893 สมาคมกอล์ฟสตรีเริ่มพัฒนาระบบคะแนนแฮนดิแคปสำหรับผู้หญิงขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงท้ายของศตวรรษ และในส่วนของแฮนดิแคปสำหรับผู้ชายก็เกิดขึ้นในปี 1894 ตามมาในช่วงปีถัดมา สิ่งที่ทำให้คำว่า “พาร์” เป็นคำมาตรฐานของกีฬากอล์ฟ เกิดขึ้นเมื่อสมาคมนักกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ USGA ได้บัญญัติคำว่า “พาร์” ว่าเป็น “ผลงานที่นักกอล์ฟผู้เชี่ยวชาญควรจะทำได้ในแต่ละหลุมในสภาวะอากาศปกติ โดยอนุญาตให้พัตต์ 2 ครั้งบนกรีนเพื่อให้ลูกกอล์ฟลงหลุม”
ในปี 1911 พวกเขายังได้กำหนดระยะทางจากแท่นทีออฟไปถึงหลุมว่าแต่ละหลุมควรจะตีกี่ครั้งถึงลงอีกด้วย หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้นิยามคำว่า “พาร์” มาใช้ในอีก 3 ปีต่อมา หรือปี 1914 นิตยสารกอล์ฟในสหราชอาณาจักรก็ได้นำคำดังกล่าวมาใช้บ้าง ก่อนที่คณะกรรมการสหภาพกอล์ฟแห่งสหราชอาณาจักรจะนำบริบทดังกล่าวมาปรับใช้อย่างสมบูรณ์ในปี 1925 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 1 สิ้นสุด
หลังจากรู้ที่มาของ “พาร์” และ “โบกี้” แล้วก็มาถึงใจความสำคัญว่าทำไม “การนับสกอร์จึงต้องมีชื่อนกอยู่ด้วย” สำหรับประเทศไทย “นก” ถือเป็นคำสแลงที่มีความหมายว่า “การพลาดโอกาสสำคัญ” แต่สำหรับชาวอเมริกัน “Bird” มีความหมายสแลงที่หมายถึง “ยอดเยี่ยม” คันทรีคลับในแอตแลนติกซิตี้เป็นที่แรกที่ใช้คำว่า “เบอร์ดี้” ตามที่กล่าวไว้ในเว็บไซต์ USGA

ในปี 1962 นิตยสาร Greenkeepers ของสหรัฐฯ ได้รายงานการสนทนากับเอบี สมิธ เขาเล่าว่าในปี 1898 เดือน 9 เขากับน้องชายของเขา วิลเลียม พี. สมิธ และเพื่อนของพวกเขา จอร์จ เอ. ครัมป์ ซึ่งต่อมาได้สร้างเป็นหุบเขาไพน์ พวกเขากำลังเล่นในหลุมที่สองพาร์สี่ที่แอตแลนติกซิตี้ เมื่อช็อตสองของเอบี สมิธ ได้ตีช็อตสองของตนขึ้นไปออนกรีน และใกล้หลุม สมิธ กล่าวว่า “นั่นเป็นการตีได้ยอดเยี่ยมเลย” และกล่าวว่าเขาควรได้รับเงินสองเท่าถ้าเขาชนะด้วยอันเดอร์พาร์ซึ่งตามที่ตกลงกันไว้ เขาพัตต์ลงหลุมได้อย่างสวยงาม และชนะไปด้วยสกอร์หนึ่งอันเดอร์พาร์ และทั้งสามคนหลังจากนั้นก็เรียกสกอร์ดังกล่าวว่า “เบอร์ดี้”

ภายในปี 1913 คำดังกล่าวได้โด่งดังข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกและได้เบอร์นาร์ดดาร์วินเขียนลงใน Country Life of a visit to the USA ฉบับเดือนกันยายน 1913 ไว้ว่า “ต้องใช้เวลาวันหรือสองวันสำหรับผู้ชมอังกฤษที่จะเข้าใจคำว่า “เบอร์ดี้” คือหลุมที่ทำคะแนนได้ต่ำกว่าอันเดอร์พาร์
อีเกิ้ล นั้นหมายถึง “การตีกอล์ฟลงหลุม 2 สโตรกก่อนกำหนดพาร์” โดยมีที่มาจากสามัญสำนึกของชาวอเมริกันอย่างพวกเขา ที่มองเห็นนกอินทรีเป็นสัญลักษณ์อันสูงส่งของประเทศนี้ และเริ่มนำมาใช้ภายหลังจาก เบอร์ดี้ ไม่นาน

โดย ในปี 1919 มีการใช้คำนี้ในอังกฤษ โดยนายเอช ดี กอนต์ได้อธิบายการใช้คำว่า “เบอร์ดี้” และ “อีเกิ้ล” ที่พบในแคนาดาในหลายปีที่ผ่านมา อีเกิ้ลถูกนำมาใช้เป็นศัพท์อเมริกันเสมอ เช่นเดียวกับในปี 1922 เมื่อ Cecil (Cecilia) Leitch อธิบายการพัตต์แค่ 3 ครั้งในหลุมพาร์ 5 ว่า “การรักษาสิ่งที่เป็นวิธีการเล่นกอล์ฟของอเมริกาเปรียบเหมือน “นกอินทรี”
Albatross เป็นคำที่ใช้เรียก 3 อันเดอร์พาร์ และเป็นคำต่อจาก “เบอร์ดี้” และ “อีเกิ้ล” แต่จริงๆ แล้วเป็นศัพท์ในอังกฤษ Ab Smith กล่าวว่ากลุ่มของเขาใช้วลี “double eagle” สำหรับสามอันเดอร์พาร์ ซึ่งเป็นคำที่คนอเมริกันส่วนใหญ่เรียกกันสำหรับสโมสร Double Eagle Club

สามอันเดอร์พาร์ เป็นคะแนนที่หายากมาก และอัลบาทรอสก็เป็นนกที่หายากเช่นเดียวกัน ที่มาที่แน่นอนยังไม่ชัดเจน แต่เหมือนจะเริ่มรู้จักคำนี้กันในปี 1929 ซึ่งมีการใช้คำนี้มาในระยะหนึ่งแล้ว จอห์น จี. ริดแลนด์ ทำคะแนน “อัลบาทรอส” ได้ในอินเดียในปี 1934
ซึ่งทำให้คะแนนนี้ธรรมดามากพอที่จะตั้งชื่อให้คะแนน “อัลบาทรอส” แรกที่รายงานในสื่อมาจากแอฟริกาใต้เมื่อ E E Wooler ทำคะแนนโฮลอินวันในฤดูร้อนปี 1931 ในหลุม 18 ของสนาม Durban Country Club ซึ่งเป็นหลุมพาร์ 4 นั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างหลังจากรู้ที่มาของชื่อสกอร์กอล์ฟไปแล้ว จะสังเกตได้ว่า สกอร์กอล์ฟนั้นมาจากเหตุการณ์เล็กๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของพวกเขา ก่อนที่จะถูกจารึกลงประวัติศาสตร์และใช้กันอย่างกว้างขวางในปัจจุบัน เป็นเรื่องที่น่าสนใจจริงๆ ที่ชื่อของนกทุกตัวที่ใช้มีความหมายอยู่ แล้วนักกอล์ฟเคยผลงานออกสกอร์ไหนกันบ้าง โบกี้ พาร์ เบอร์ดี้ อีเกิ้ล อัลบาทรอส หรือมีมากกว่านี้?

————————————-

**สั่งซื้อสินค้ากอล์ฟออนไลน์จากทุกแบรนด์ชั้นนำ ผ่าน HotGolf Shop
สอบถามสินค้าได้ที่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40hotgolf