เข่าเสื่อมเลี่ยงไม่ได้ “แต่ชะลอได้”
เข่าเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดขึ้มตามวัยและการใช้งาน ไม่สามารถเลี่ยงได้ “แต่ชะลอได้” ด้วยการรีบพบแพทย์เมื่อพบความผิดปกติที่ข้อเข่า หากปล่อยไว้อาการอาจลุกลามจนต้องผ่าตัด
เข่าเป็นข้อต่อที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกาย มีหน้าที่ช่วยให้ร่างกายเริ่มต้นลุกยืน เดิน ทรงตัวหรือก้าวไปในที่ต่างระดับได้อย่างสมบูรณ์ นายแพทย์เปรมเสถียร ศิริธนาพิพัฒน์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อเฉพาะทางด้านการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าและข้อสะโพกเทียมโรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยว่า ปัญหาข้อเข่าที่พบบ่อยและหลีกเลี่ยงไม่ได้คือข้อเข่าเสื่อม หากปล่อยให้เสื่อมมากอาจกระทบต่อการใช้ชิวิตประจำวัน รวมทั้งทำให้ข้อต่ออื่น ๆ ปวดและเสียสมดุลไปด้วย เช่น ข้อเท้า ข้อสะโพก หลัง ไหล่ ซึ่งจะทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลงตามลำดับ
ปัจจัยหลักที่ทำให้ข้อเข่าเสื่อมคืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบริเวณรอบเข่า โรคประจำตัวบางอย่าง น้ำหนักตัวที่มากเกินไปและลักษณะท่านั่ง โดยมีงานวิจัยพบว่าการงอเข่ามากกว่า 90 องศา เช่น การนั่งยอง ๆ คุกเข่า พับเพียบ ขัดสมาธิ จะทำให้เกิดแรงกด 5 – 10 เท่าของน้ำหนักตัว ส่งผลให้กระดูกข้อเข่าเสื่อมเร็วและมากขึ้น นอกจากนี้อายุที่มากขึ้นก็ยิ่งทำให้เข่าเสื่อมสภาพตามกาลเวลาและการใช้งานด้วยเช่นกัน
“ภาวะข้อเข่าเสื่อมจะมีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หากไม่รีบเข้ารับการรักษา โดยอาจมีเสียงเข่าลั่นตอนใช้งาน เช่น ขณะลุกยืน เดิน ขึ้นลงบันได มีอาการปวดตอนเริ่มต้นขยับเข่า นอกจากนี้ยังอาจเกิดอาการบวม แดง ร้อน ซึ่งบ่งบอกว่ามีภาวะข้อเข่าเสื่อมรุนแรงมากขึ้น หากปล่อยไว้อาจทำให้ข้อเข่าผิดรูปจนลุกเดินลำบากหรือเดินไม่ได้เลย” นายแพทย์เปรมเสถียรกล่าว
การรักษาข้อเข่าเสื่อมมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับอาการและระยะของโรค แบ่งออกเป็น 1. การรักษาแบบไม่ใช้ยา โดยจะให้ผู้ป่วยลดปัจจัยที่ทำให้เข่าเสื่อม เช่น ลดน้ำหนัก ออกกำลังกายและบริหารกล้ามเนื้อรอบเข่า หรือใช้วิธีอื่นร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเลเซอร์ ฝังเข็ม 2. การรักษาโดยใช้ยา ซึ่งมีทั้งรูปแบบรับประทานและทา โดยแพทย์จะพิจารณาตามอาการและความเหมาะสมของผู้ป่วยแต่ละราย
และ 3. ผ่าตัด มีทั้งการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อล้างน้ำไขข้อที่อักเสบ เศษกระดูก กระดูกอ่อนและเยื่อบุข้อที่หลุดออก แต่งผิวข้อให้เรียบ กระตุ้นการสร้างกระดูกอ่อนผิวข้อใหม่ และการผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียม เป็นการเอาผิวข้อที่สึกออกไปและทดแทนด้วยผิวข้อเทียม เหมาะกับผู้ป่วยที่ข้อผิดรูป ยึดติด หรือเสื่อมอย่างรุนแรง ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีในการผ่าตัดเข่านั้นก้าวล้ำไปมาก ผู้ป่วยสามารถลุกยืน เดิน หรือขยับข้อเข่าได้ในระยะเวลาไม่เกิน 1 คืน หลังการผ่าตัดและสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติเร็วขึ้น อีกทั้งแผลผ่าตัดยังมีขนาดเล็ก ทำให้บาดเจ็บน้อย เสียเลือดน้อย ลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วขึ้นเมื่อเทียบกับการผ่าตัดสมัยก่อน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการผ่าตัด ทั้งคอมพิวเตอร์นำร่องช่วยผ่าตัด (Computer Assisted Surgery) หรือหุ่นยนต์นำร่องช่วยผ่าตัด (Robotic Assisted Surgery) ก็จะยิ่งทำให้การผ่าตัดเปลี่ยนผิวข้อเข่าเทียมมีความถูกต้อง แม่นยำ และช่วยยืดอายุการใช้งานของข้อเทียม นอกจากนี้ยังช่วยรักษาเอ็นไขว้ในข้อเข่าให้สามารถเคลื่อนไหวได้ ส่งผลให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดรู้สึกถึงการใช้งานข้อเข่าเทียมใกล้เคียงข้อเข่าปกติมากขึ้นหลังการผ่าตัด
ทั้งนี้ นายแพทย์เปรมเสถียรยังแนะนำวิธีการถนอมข้อเข่าไม่ให้เสื่อมเร็วเกินไป ด้วยการหลีกเลี่ยงการงอเข่ามากกว่า 90 องศา ออกกำลังกายให้เหมาะสม ถ้ามีโรคประจำตัวที่เกี่ยวข้องกับข้อต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ป้องกันไม่ให้ภาวะข้อเข่าเสื่อมรุนแรงและลุกลาม รวมทั้งควรคุมน้ำหนักตัวให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน นอกจากนี้หากเกิดความผิดปกติเกี่ยวกับข้อเข่าจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันควรรีบพบแพทย์ เพราะหากได้รับการรักษาเร็วจะช่วยชะลอและยืดอายุการใช้งานของข้อเข่าของเราต่อไปได้