เลือกซื้อเวดจ์ ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง?
หากนักกอล์ฟจะพิจารณาเลือกซื้อเวดจ์สักชิ้นให้เหมาะกับเกมกอล์ฟของตัวนักกอล์ฟเอง จะต้องคำนึงถึงปัจจัยอะไรบ้าง? ถือเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย โดยเฉพาะนักกอล์ฟมือใหม่
เวดจ์เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งชิ้นในถุงกอล์ฟที่ส่งผลต่อการทำสกอร์ของนักกอล์ฟเองเลย ซึ่งมีตั้งแต่ลอฟท์ 42 จนถึง 60 (หรือมากกว่า) ที่สำคัญ เวดจ์จะต้องใช้งานได้หลากหลาย เพื่อเล่นช็อตในพื้นที่ต่างๆ ของสนาม ไม่ว่าจะจากแฟร์เวย์ รัฟ ทราย และอื่นๆ พูดได้ว่าเวดจ์สามารถทำได้ดีและตอบโจทย์ผู้เล่นได้ในหลายๆ รูปแบบ
โดยในครั้งนี้ HotGolf ก็ได้รวบรวมสิ่งที่นักกอล์ฟต้องคำนึงก่อนการซื้อเวดจ์ว่ามีอะไรบ้าง
ราคา
ส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่นักกอล์ฟจะต้องพิจารณาก่อนเลยก็คือเงินในกระเป๋าของคุณพร้อมที่จะจ่ายมากน้อยแค่ไหน เพื่อเวดจ์ตัวใหม่ของนักกอล์ฟเอง แต่หากเป็นนักกอล์ฟมือใหม่ก็อาจจะเลือกใช้เวดจ์อะไรก็ได้ที่มาพร้อมกับชุดเหล็ก เพื่อเป็นการฝึกให้ชำนาญพื้นฐานกันก่อน สำหรับนักกอล์ฟที่เริ่มมีประสบการณ์แล้ว เรียกได้ว่ามีตัวเลือกที่หลากหลายมากให้เลือกในราคาที่ใกล้เคียงกัน ให้นักกอล์ฟจำไว้เสมอว่าหากลองไปฟิตติ้งแล้วถูกใจหรือรู้สึกเข้ามือจริงๆ แต่ยังลังเลระหว่างอีกตัวที่สเป็คใกล้ๆ กันแต่ราคาถูกกว่า ให้นักกอล์ฟเลือกตัวที่ถูกใจจะดีกว่า หากราคาต่างกันไม่มากนัก อย่าไปเสียดายเงินนิดหน่อย เพราะสุดท้ายแล้ว หากไม่เข้ามือก็ต้องซื้อใหม่อยู่ดี
ควรจะมีเวดจ์กี่อัน
ควรจะมีเวดจ์กี่อันในถุงกอล์ฟ? ตามปกติแล้วนักกอล์ฟส่วนใหญ่จะมีเวดจ์ติดถุงกอล์ฟอยู่ที่ 2 ถึง 4 ชิ้น สำหรับโปร หรือนักแข่งหลายๆ คนมักจะพกเวดจ์ด้วยกัน 4 ชิ้น แต่การมีหลายๆ ชิ้น ก็อาจะไม่ได้เหมาะกับตัวนักกอล์ฟเอง สิ่งสำคัญเลยคือ นักกอล์ฟต้องถามตัวเองก่อนว่า ต้องการตัวเลือกที่หลากหลายมากขึ้น หรือเซ็ตเวดจ์ที่เยอะขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงช่องว่างที่อาจเกิดขึ้นหรือไม่ หรือต้องการเวดจ์ที่มาช่วยเสริมเทคนิคการตีต่างๆ ของตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
ค่าลอฟต์ และแกพ (Lofts and Gapping)
การตัดสินใจว่าจะต้องใช้เวดจ์กี่ชิ้น จะเป็นตัวกำหนดว่านักกอล์ฟต้องการลอฟท์ประเภทไหน หากนักกอล์ฟยึดติดกับชุดเหล็กที่ให้มาในชุดอย่าง Pitching Wedge นักกอล์ฟจำเป็นเป็นต้องรู้ว่าลอฟต์ของ Pitching Wedge มีองศาเท่าไหร่? เพื่อที่นักกอล์ฟจะได้ทราบว่าควรใช้เวดจ์ตัวไหนในการเติมเต็มช่องว่างในส่วนนี้อย่างเหมาะสม หากนักกอล์ฟจะทิ้งเวดจ์ในเซ็9ไป นักกอล์ฟต้องตรวจสอบลอฟท์ของเหล็ก 9 ให้ดี เพื่อที่จะได้รู้ว่าองศาไหนคือลอฟท์ของเวดจ์พิชชิ่งที่ดีที่สุดกับนักกอล์ฟ เหล็ก และเวดจ์นั้นมีลอฟต์ที่แข็งแกร่งขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ค่าลอฟต์ของพิชชิ่งเวดจ์ในชุดเซ็ตมักจะอยู่ที่ 40 แต่ตอนนี้อยู่ในช่วงลอฟต์ต่ำ ไปจนถึงกลาง 40 หากนักกอล์ฟเปลี่ยนเหล็กบ่อยๆ แต่ไม่ได้เปลี่ยนเวดจ์มาสักพักแล้ว นักกอล์ฟอาจสร้างช่องว่างของระยะที่มากขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ หากนักกอล์ฟกำลังมองหาองศา 4 หรือ 5 จากเหล็ก 9 ของนักกอล์ฟไปยังเวดจ์ตัวแรก และระหว่างเวดจ์ด้วยกัน ลอฟท์ที่สูง และดีที่สุดของเวดจ์ก็คือลอฟต์ 58 และ 60 เพราะฉะนั้นนักกอล์ฟจะต้องคำนึงถึงปัจจัยของลอฟท์ และคำนวณคร่าวๆ ในการตีไว้เผื่อด้วย
เบ้าส์ (Bounce)
เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กับลอฟท์เลย เบ้าส์คือ บริเวณด้านท้องเหล็กที่ต้องกระทบกับตัวหญ้าและทำมุมกระดอนกับพื้นหญ้า การกระดอนต่ำโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 4-6˚ เหมาะกับคนที่ตีข้างผ่านลูกได้ สร้างรอยไดวอทน้อย เหมาะกับสภาพสนามที่ค่อนข้างเฟิร์ม หญ้าแน่น ไม่แฉะ และทรายในบังเกอร์แบบเม็ดใหญ่ หรือที่มีทรายไม่มาก เพราะกับคนที่เล่นช็อตพลิกแพลง และช็อตพิเศษต่างๆ สิ่งที่ตรงข้ามกับเบ้าส์ต่ำก็คือเบ้าส์สูง มุมกระดอนจะอยู่ที่ 10-14˚ เบ้าส์สูงเหมาะกับคนที่สวิงตีแล้วขุดสร้างรอยไดวอทลึก เหมาะกับสภาพสนามที่นุ่ม และสภาพบังเกอร์ที่มีทรายละเอียด เพราะองศาเบ้าส์ที่เยอะ จะช่วยเพิ่มแรงเสียดทานระหว่างเวดจ์กับพื้นหญ้าทำให้เวดจ์ไม่ขุดลึกเกินไป ทั้งบนหญ้าและบังเกอร์ เรียกได้ว่าการมีเวดจ์ที่มีเบ้าส์ต่างกัน จะช่วยให้นักกอล์ฟสามารถพลิกแพลง และใช้เหมาะกับสภาพแวดล้อมได้
การเจียรฐาน (Sole Grind)
คำนี้กลายเป็นคำศัพท์ที่ได้รับความนิยมในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทต่างๆ การเจียรฐานที่ได้รับการคัดสรรซึ่งมักได้รับแรงบันดาลใจจากความชอบของผู้เล่นในทัวร์ การเจียรฐานเพื่อตกแต่งรูปทรงของฐาน ทั้งในช่วงโคน และช่วงปลาย เพื่อให้เหมาะกับรูปแบบสวิงของนักกอล์ฟแต่ละคน และพื้นสนามกอล์ฟแต่ละแบบ (แข็ง-นุ่ม) เพื่อทำให้ไม้กอล์ฟสามารถเล่นได้ในสภาพที่แตกต่างกันหรือสำหรับผู้เล่นประเภทต่างๆ การเจียรฐานบางรุ่นออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย บางคนอาจดึงวัสดุออกจากบริเวณส้นมากขึ้น เพื่อให้ไม้เพื่อให้ตีได้ดีในช็อตที่ต้องเปิดหน้าไม้
ค่าฟอกิฟเนส (Forgiveness)
ค่าฟอกิฟเนส อาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญสำหรับเวดจ์มากนัก แต่สำหรับนักกอล์ฟบางคนที่ต้องการตัวช่วยเพิ่มเติม หากเป็นกรณีนี้ เวดจ์ที่มีดีไซน์แบบ Cavity back จะทำให้เกิดการชดเชยที่ถ่วงน้ำหนักได้ การเจียรฐานที่กว้างกว่าเล็กน้อย จะช่วยชดเชยความผิดพลาดในการตี และช่วยให้ลูกลอยสูงขึ้นด้วยนั่นเอง
รูปลักษณ์
แน่นอนว่ารูปลักษณ์ความสวยงามของอุปกรณ์ก็เป็นอีกสิ่งสำคัญเหมือนกัน แต่มีเหตุผลให้นักกอล์ฟต้องพิจารณาเชิงปฏิบัติด้วย อย่าง สีดำหรือทัวร์ซาตินนั้นเรียกได้ว่าเป็นสีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่สีโครมเมียมขัดเงาไม่เป็นที่นิยมนัก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันมีแนวโน้มที่จะสะท้อนแสงแดดเข้าตานักกอล์ฟ แต่อย่างไรก็ตามเลือกสีที่นักกอล์ฟถูกใจจะดีกว่า
เรียกได้ว่าเป็นเรื่องพื้นฐานที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกเวดจ์เลยสำหรับนักกอล์ฟที่กำลังจะซื้อเวดจ์ตัวใหม่ หรือลังเลว่าควรจะเลือกแบบไหน อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ นักกอล์ฟต้องรู้ว่าตัวเองอยากได้เวดจ์แบบไหน ใช้ในสถานการณ์แบบไหน เหมาะกับการตีแบบไหน อีกทั้งการฟิตติ้งก็ยังเป็นตัวช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้นอีกด้วย หรือหากนักกอล์ฟยังไม่รู้ว่าจะใช้เวดจ์ตัวไหนดี HotGolf มีเวดจ์ดีที่กำลังจัดโปรโมชั่นมาแนะนำ
เวดจ์ CLEVELAND CBX ZIPCORE
รายละเอียดเพิ่มเติม HotGolf Shop คลิก https://bit.ly/3RzfYyM
CBX ซีรี่ส์เวดจ์ที่มีจุดเด่นเฉพาะของตัวเอง ทั้งใบใหญ่เพิ่มความง่าย และความมั่นใจในการตี, ฐานกว้างช่วยให้ตีผ่านได้ง่าย และโครงสร้างแบบแควิตี้แบ็คช่วยเพิ่มระยะทาง พร้อมนำเทคโนโลยี ZipCore เข้ามาใส่อยู่ด้วย เพื่อช่วยให้นักกอล์ฟทุกฝีมือสามารถตีเข้าจุดสวีทสปอตของลูกได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ใน CBX ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเด่นอีกหลายส่วน ไล่ตั้งแต่โครงสร้างใบแบบโพรงในตำแหน่งโคนไม้ และเพิ่มน้ำหนักไปทางปลายใบ ทำให้ค่า MOI สูงขึ้น เพิ่มความแน่นอนในการตีลูกให้มากยิ่งขึ้น เสริมด้วยวัสดุ Gelback ที่ทำจาก TPU ตรงหลังใบ เพื่อช่วยลดแรงสั่นเมื่อตีผิดพลาด
เวดจ์ CBX ZipCore ยังเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสปินด้วยรูปแบบร่องใหม่ล่าสุด Ultizip Grooves ที่ร่องถูกออกแบบให้คมและลึกที่สุดเท่าที่เคยทำมา และเพิ่มความถี่ร่องหน้าไม้อีก 2 ร่อง แต่ละร่องอยู่ชิดกันมากขึ้น เพื่อการทำงานของร่องในทุกช็อต ทำให้หน้าเวดจ์สามารถสร้างสปินได้มากยิ่งในทุกช็อตการเล่น
CBX ZipCore จะมาพร้อมรูปแบบการเจียรฐาน 3 รูปแบบ ที่แตกต่างกันไปในแต่ละองศาหน้าเวดจ์ ไล่ตั้งแต่ V-Shaped Sole ในตัวเลือก 48-52 องศา ที่ช่วยให้การสวิงและจรดหน้าไม้เป็นเรื่องง่าย และสามารถตีได้โดยที่ไม่ขุดดิน แม้จะตีเฉือนไปโดนด้านหลังลูกก็ตาม
S-Shaped Sole ในตัวเลือก 54-56 องศา เหมาะสำหรับการเล่นในบังเกอร์ทราย รวมถึงการตีแบบเปิดหน้าไม้จากบริเวณรัฟหรือแฟร์เวย์ ด้วยเบานซ์ที่กว้างช่วยให้ตีได้โดยที่ไม่เสียความเร็ว และสุดท้ายคือ C-Shaped Sole ในตัวเลือก 58-60 องศา ที่ทำให้สามารถเล่นแบบเปิดหน้าไม้ได้ในทุกไล โดยเฉพาะกับการเล่นบริเวณรอบกรีน
Cleveland CBX ZipCore จะมาพร้อมกับตัวเลือกก้านที่ช่วยสร้างสปินให้กับเวดจ์ ประกอบด้วยก้านเหล็ก True Temper DG 115 Spinner Tour Issue, ก้านกราไฟต์ Project X Catalyst 80 Spinner, ก้านกราไฟต์สำหรับผู้หญิง Cleveland Action Ultra Lite 50
– ราคาก้านกราไฟท์ชิ้นละ 6,500 บาท
สำหรับสมาชิกเหลือ 5,200 บาท
– ราคาขายทั่วไปก้านเหล็กชิ้นละ 6,000 บาท
สำหรับสมาชิกเหลือ 4,800 บาท