Site icon เว็บไซต์ HotGolfClub.com เว็บไซต์กีฬากอล์ฟอันดับหนึ่ง ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการกอล์ฟ และอยู่เคียงคู่กับนักกอล์ฟมายาวนานกว่า 20 ปี

“ฟิตซ์แพทริก” คว้าแชมป์เมเจอร์แรก พร้อมรับเงินรางวัล 110 ล้านบาท

แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มชาวอังกฤษทำผลงานยอดเยี่ยมในรอบสุดท้ายเพิ่ม 2 อันเดอร์พาร์ 68 กอล์ฟยูเอส โอเพ่น เมเจอร์ที่สามแห่งปี สกอร์รวมสี่วัน 6 อันเดอร์พาร์ 274 คว้าแชมป์ไปครอง เฉือนชนะ สกอตตี เชฟเฟลอร์ มือ 1 ของโลก และวิลล์ ซาลาทอริส สองโปรชาวอเมริกันเพียงหนึ่งสโตรก นับเป็นแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในการเล่นอาชีพ พร้อมรับเงินรางวัล 110 ล้านบาท และทำสถิติการเป็นนักกอล์ฟคนที่สองต่อจาก แจ็ค นิคลอส ที่คว้าแชมป์ยูเอส อเมเจอร์ และยูเอส โอเพ่น ในสนามเดียวกัน

การแข่งขันกอล์ฟยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 122 แข่งขันที่เดอะ คันทรี คลับ พาร์ 70 ชานเมืองบรู๊คไลน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายน แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม 4 รอบ มีนักกอล์ฟชายร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 156 คน โดยปีนี้เพิ่มเงินรางวัลรวมอีก 5 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 12.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 17.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 612.1 ล้านบาท และแชมป์จะได้รับเพิ่มจากเดิม 2.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 79 ล้านบาท เป็น 3.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 110.1 ล้านบาท นับเป็นสถิติเงินรางวัลรวมมากที่สุดจากเมเจอร์หลังจากที่เดอะ มาสเตอร์ส และ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ที่เพิ่มเงินรางวัลก่อนหน้านี้

ผลการแข่งขันในรอบสุดท้าย แมทธิว ฟิตซ์แพทริก วัย 27 ปี จากอังกฤษ ที่ออกสตาร์ทนำร่วมกับ วิลล์ ซาลาทอริส วัย 25 ปี ทำสกอร์เพิ่มอีก 2 อันเดอร์พาร์ 68 จาก 5 เบอร์ดี้ เสีย 3 โบกี้ สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 274 เฉือนชนะ สกอตตี เชฟเฟลอร์ และวิลล์ ซาลาทอริสหนึ่งสโตรก ที่ 5 อันเดอร์พาร์ 275

ฟิตซ์แพทริก คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ครั้งนี้ นับเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในการเล่นอาชีพของเขาพร้อมกับรับเงินรางวัลไป 3.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 110.1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสร้างสถิติเป็นนักกอล์ฟคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ในสนามเดียวกัน ในรายการ ยูเอส โอเพ่น และยูเอส อเมเจอร์ (คว้าแชมป์ที่เดอะ คันทรี คลับ เมื่อปี 2013) ต่อจาก แจ็ค นิคลอส ที่เคยทำไว้ที่สนามเพบเบิล บีช กอล์ฟ ลิงค์ส เมื่อปี 1961 และ 1972 และกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 13 ที่คว้าแชมป์ทั้งสองรายการใหญ่ของยูเอสจีเอ และเป็นนักกอล์ฟต่างชาติที่ไม่ใช่อเมริกันคนแรกที่ทำได้อีกด้วย

โปรหนุ่มจากเมืองเชฟฟิลด์ แคว้นยอร์คเชอร์ เผยหลังการคว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในชีวิตว่า “ผมรักที่จะเล่นที่สนามแห่งนี้ เพราะมันเหมาะกับเกมของผมและเล่นได้ดี และจุดเปลี่ยนจริงๆ อยู่ที่หลุม 15 ที่สามารถทำเบอร์ดี้ได้ ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในช็อตที่ดีที่สุด ที่ทำให้ผมได้เปรียบก่อนจะมาคว้าแชมป์”

ขณะที่ ซาลาทอริส เจ้าของอันดับที่สองร่วม ได้กล่าวยกย่อง ฟิตซ์แพทริก ว่า “ต้องยกให้ แมท เลยที่เขาเล่นในหลุม 18 เป็นการเล่นที่ยอดเยี่ยม ช็อตหนึ่งในประวัติศาสตร์ยูเอส โอเพ่น ผมเดินไปดูไลน์กรีน และคิดว่ามีโอกาส แต่เขาก็ไม่พลาด ผมต้องยกย่องฟิตซ์แพทริก ว่าเขาเล่นดีตลอดสัปดาห์นี้”

สำหรับการคว้าแชมป์ของ ฟิตซ์แพทริก ครั้งนี้ให้เขาได้ครองถ้วยแชมป์เป็นเวลาหนึ่งปี พร้อมกับได้เหรียญเกียรติยศ แจ็ค นิคลอส และได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันยูเอส โอเพ่น 10 ปี ได้รับสิทธิ์ร่วมแข่งขันอีก 3 เมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส, พีจีเอ แชมเปียนชิพ และดิ โอเพ่น เป็นเวลา 5 ปี

อันดับคะแนนหลังจบวันสุดท้าย
1.(-6) 274-แมทธิว ฟิตซ์แพทริก (อังกฤษ) 68-70-68-68
2.(-5) 275-สกอตตี เชฟเฟลอร์ (สหรัฐ) 70-67-71-67, วิลล์ ซาลาทอริส (สหรัฐ) 69-70-67-69
4.(-3) 277-ฮิเดกิ มัตซึยามะ (ญี่ปุ่น) 70-70-72-65
5.(-2) 278-คอลลิน โมริคาวะ (สหรัฐ) 69-66-77-66, รอรี แมคอิลรอย (ไอร์แลนด์เหนือ) 67-69-73-69
7.(-1) 279-เดนนี แมคคาร์ธี (สหรัฐ) 73-70-68-68, อดัม แฮดวิน (แคนาดา) 66-72-70-71, คีแกน แบรดลีย์ (สหรัฐ) 70-69-69-71
10.(E) 280-แกรี วูดแลนด์ (สหรัฐ) 69-73-69-69, โจเอล ดาห์เมน (สหรัฐ) 67-68-74-71

**สั่งซื้อสินค้ากอล์ฟออนไลน์จากทุกแบรนด์ชั้นนำ ผ่าน HotGolf Shop
สอบถามสินค้าได้ที่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40hotgolf