ปฏิเสธไม่ได้ว่า ณ นาทีนี้เขาคือนักกอล์ฟที่ร้อนแรงที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2019 สำหรับ “โปรแจ๊ส” อติวิชญ์ เจนวัฒนานนท์ หลังเพิ่งคว้าแชมป์เอเชียนทัวร์ รายการโคเรีย โอเพ่น เป็นแชมป์ที่ 2 ในฤดูกาลนี้ ถือเป็นการฟอร์มการเล่นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
แม้จะเพิ่งผ่านช่วงครึ่งปีแรก แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปี 2019 คือปีที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตการเล่นของโปรแจ๊ส นับตั้งแต่เทิร์นโปรเมื่อปี 2010 เมื่อเป็นปีแรกที่เขาได้ชูโทรฟี่แชมป์ถึง 2 รายการ ขณะที่ผลงานก่อนหน้านี้ก็ติดท็อป 5 มาอย่างต่อเนื่องถึง 8 รายการ
แต่ถ้าย้อนไปก่อนหน้านี้ โปรแจ๊สถือว่ามีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2018 ถ้าจำกันได้ในรายการอมตะ เฟรนด์ชิพคัพ กอล์ฟรายการพิเศษประเภททีมระหว่างทีมไทยพบญี่ปุ่น ที่สนามกอล์ฟอมตะ สปริงคันทรีคลับ เขาคือนักกอล์ฟไทยเพียงคนเดียวที่ชนะได้ทุกแมตช์ที่ลงแข่งขัน ทำแต้มให้กับทีมไทยถึง 4 แต้มเลยทีเดียว
ขณะที่ต้นปี 2019 โปรแจ๊สก็ยังคงฟอร์มโดดเด่นต่อเนื่อง ด้วยการคว้าแชมป์เอสเอ็มบีซี สิงคโปร์ โอเพ่น รายการใหญ่เปิดหัวฤดูกาลเอเชียนทัวร์ ซึ่งมีนักกอล์ฟระดับโลกอย่าง เซอร์จิโอ การ์เซีย และ พอล เคซีย์ มาร่วมแข่งขันด้วย อีกทั้งยังช่วยให้เขาคว้าสิทธิ์ได้ร่วมแข่งขันในกอล์ฟเมเจอร์ ดิ โอเพ่น เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน
หลังจากฟอร์มโดดเด่นในเอเชีย ก็มาถึงช่วงจังหวะเวลาในชีวิตที่โปรแจ๊สเริ่มก้าวเข้าสู่การแข่งขันในระดับโลก เมื่อชื่อของเขาถูกจับตามองอย่างมาก จากผลงานก้าวขึ้นมารั้งตำแหน่งรองผู้นำในรอบ 3 การแข่งขันเมเจอร์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ 2019 ณ สังเวียนสุดโหดอย่างเบธเพจ แบล็ก แม้สุดท้ายจะจบด้วยอันดับ 14 แต่ก็ถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจ และเกินความคาดหมายอย่างยิ่ง
อะไรคือจุดเปลี่ยนของเขา? ต้องยอมรับว่า “โปรแจ๊ส” ผลงานดีขึ้นมาแบบก้าวกระโดด ทั้งที่เริ่มต้นปีด้วยอันดับสูงกว่าท็อป 100 แต่ปัจจุบันใกล้แตะหลักท็อป 50 ของโลกเต็มที โดยสาเหตุสำคัญที่เจ้าตัวเผยออกมาเอง นั่นก็คือ การได้ทำงานร่วมกับ พีท โคเวน โค้ชสวิงชื่อดังของโลก ที่เคยทำงานร่วมกับยอดผู้เล่นอย่าง รอรี่ แม็คอิลรอย, เฮนริค สเตนสัน หรือ ลี เวสต์วูด มาแล้ว
หลังจากได้พบกับ โคเวน ในการแข่งขันดิโอเพ่นเมื่อปีที่แล้ว แม้ครั้งนั้นเขาจะไม่ผ่านการตัดตัว แต่ฟอร์มหลังจากนั้นของโปรแจ๊สก็มีพัฒนาการขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมด้วยการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในถุงอีกเล็กน้อย อาทิ เหล็กที่เปลี่ยนมาใช้ Mizuno JPX919 รวมถึงพัตเตอร์ที่เปลี่ยนมาใช้ Odyssey แบบกริพ Arm Lock ตามคำแนะนำของ โคเวน นั่นเอง
ถ้าว่าไปแล้ว โปรแจ๊สไม่ใช่นักกอล์ฟไทยเพียงคนเดียวที่ โคเวน ปลุกปั้นให้ผลงานดีขึ้น อีกคนหนึ่งก็คือ “โปรอาร์ม” กิรเดช อภิบาลรัตน์ ที่ก็พัฒนาขึ้นจนกลายเป็นนักกอล์ฟประวัติศาสตร์คนไทยคนแรกที่คว้าทัวร์การ์ดของพีจีเอทัวร์ไปแล้วก่อนหน้านี้…และนี่อาจเป็นแนวทางผมอยากให้นักกอล์ฟไทยหลายคน “กล้า” ที่จะเดินรอยตาม ด้วยการเลือกใช้โค้ชต่างชาติที่ได้รับการยอมรับ เพื่อบีบเค้นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวของพวกเขาให้ออกมาให้หมด เหมือนเช่นทั้ง โปรอาร์ม และโปรแจ๊ส ที่กำลังโดดเด่นในเวทีกอล์ฟโลกขณะนี้
ย้อนกลับมาที่โปรแจ๊ส จากทั้งหมดนี้คงยากที่จะปฏิเสธได้ว่า เขาคือนักกอล์ฟไทยที่ร้อนแรงที่สุดของครึ่งปีแรก 2019 อย่างแท้จริง โดยมีอีกสองเป้าหมายรอเขาอยู่ในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งใน ดิ โอเพ่น ที่รอยัล พอทรัช และการลุ้นติดทีมเพรซิเด้นท์คัพเป็นครั้งแรกในชีวิต…หรือจากนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจคือนักกอล์ฟไทยคนที่ 2 ที่ได้ทัวร์การ์ดพีจีเอทัวร์ก็เป็นได้ ด้วยอายุปัจจุบันเพียงแค่ 23 ปี ถือว่าเส้นทางของเขายังเหลืออีกไกลมากๆ
ฟอร์มร้อนแรงแบบนี้ เชื่อว่าอะไรก็เป็นไปได้ครับ…