“โปรอ๊าย”ศรัณย์พร ลางคุลเกษตริน โปรวัย 17 ปีจากภูเก็ต โชว์ฟอร์มเหนือชั้นปิดฉากรอบสุดท้าย เก็บเพิ่มได้ 1 อันเดอร์พาร์ 71 รวมสามวัน 5 อันเดอร์พาร์ 211 คว้าแชมป์รับเงินรางวัล 600,000 บาท พร้อมรั้งมือ 1 นักกอล์ฟทำเงินไชน่าแอลพีจเอ 2017 ต่อไป
จากการแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรีรายการยิ่งใหญ่ส่งท้ายฤดูกาล 2017 ของไทยแอลพีจีเอทัวร์ “พีทีที ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ มาสเตอร์ส 2017“ ชิงเงินรางวัลรวม 4 ล้านบาท ณ สนามปัญญาอินทรา กอล์ฟ คลับ พาร์ 72 รอบสุดท้าย เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2560 หลังการแข่งขันสิ้นสุดลง ผลปรากฎว่าแชมป์ตกเป็นของ โปรอ๊าย-ศรัณย์พร ลางคุลเกษตริน มืออันดับ 1 ไชน่าแอลพีจีเอทัวร์ 2017 และแชมป์ทำเงินไทยแอลพีจีเอทัวร์ 2016 หลังปิดฉากรอบสุดท้ายเก็บเพิ่ม 1 อันเดอร์พาร์ 71 สกอร์รวมสามวันคว้าแชมป์ไปที่ 5 อันเดอร์พาร์ 211 รับเงินรางวัล 600,000 บาท เป็นแชมป์อาชีพรายการที่ 13 หลังเทิร์นโปรมา 3 ปี และแชมป์ที่ 6 ของปี 2017
โปรอ๊าย-ศรัณย์พร กล่าวถึงความรู้สึกหลังคว้าแชมป์รายการใหญ่ ว่า “แชมป์รายการนี้เป็นแชมป์ที่ 6 ของปีนี้ และเป็นแชมป์รายการที่ 13 หลังเทิร์นโปรมาสามปี ดีใจมากค่ะที่ทำได้ วันนี้เล่นรอบแรกได้ไม่ค่อยดี ตีเบอร์ดี้สลับกับโบกี้ แต่พอเข้ารอบเก้าหลุมหลังเห็นสกอร์ผู้นำเราก็คิดว่าคงไล่ไม่ทันแล้ว ก็เลยตีสบายๆ แต่กลับเล่นได้ดีไม่เสียโบกี้เลย ได้เบอร์ดี้ที่หลุม 12 และอีเกิ้ลที่หลุม 17 ปีนี้ถือเป็นปีทองที่ช็อตต่าง ๆ เข้าที่เข้าทาง ไดร์ฟเวอร์ดี ได้บุกเยอะ และมีคุณพ่อเป็นแคดดี้ให้ เลยช่วยได้มาก จบแม็ทช์นี้จะหยุดพัก 1 เดือน เพราะเล่นติดต่อกันมา 6 อาทิตย์แล้ว หลังจากนั้นก็จะไปแข่งในไชน่าแอลพีจีเอที่จีนค่ะ”
การแข่งขันกอล์ฟอาชีพสตรี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ แอลพีจีเอ มาสเตอร์ส 2017 สนับสนุนโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และ บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด จัดโดยสมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี ระหว่างวันที่ 13 15 กันยายน 2560 ณ สนามปัญญาอินทรา กอล์ฟ คลับ กรุงเทพฯ ชิงเงินรางวัลรวม 4 ล้านบาท นับเป็นการแข่งขันครั้งที่ 5 ของรายการ โดยครั้งแรกจัดขึ้นในปี 2556 และประสบความสำเร็จมาอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของการแซงค์ชั่นระหว่าง 3 สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี ได้แก่ สมาคมกีฬากอล์ฟอาชีพสตรี (ไทยแอลพีจีเอ), ไชน่าแอลพีจีเอ และออสเตรเลียนแอลพีจี อีกทั้งนักกอล์ฟอาชีพสตรีที่ทำผลงานได้ดีจะได้รับคะแนนสะสมในการจัดอันดับโลก มีนักกอล์ฟสตรีเข้าร่วมแข่งขันทั้งสิ้น จำนวน 114 คน จาก 16 ประเทศทั่วโลก โดยนักกอล์ฟอาชีพที่เป็นผู้ชนะของรายการ นอกจากจะได้รับเงินรางวัลจำนวน 600,000 บาท ยังได้รับสิทธิพิเศษจากออสเตรเลียนแอลพีจีเพื่อรับเชิญร่วมลงแข่ง 2 รายการในเอแอลพีจีทัวร์ ซึ่งหนึ่งในรายการนั้นคือรายการ Oates Victorian Open 2018
