“แคตลิน” เพลย์ออฟเฉือน “ปวิธ-กาปูร์” คว้าแชมป์กอล์ฟไทยแลนด์โอเพ่น
“จอห์น แคตลิน” สวิงหนุ่มชาวอเมริกัน ทำเบอร์ดี้ในการดวลเพลย์ออฟเฉือนชนะ ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ และ ชีฟ กาปูร์ จาก อินเดีย รับแชมป์สวิงอาชีพเอเชี่ยนทัวร์ รายการ ไทยแลนด์ โอเพ่น ครั้งที่ 48 พร้อมคว้าถ้วยพระราชทาน รัชกาลที่ 9 พร้อมเงินรางวัล 1.62 ล้านบาท ไปครอง ที่สนามไทยคันทรีคลับ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา
รายการนี้ สมาคมกีฬากอล์ฟแห่งประเทศไทย ร่วมกับ เอเชี่ยน ทัวร์ จัดการแข่งขันชิงเงินรางวัล 300,000 เหรียญสหรัฐ (ราวๆ 9 ล้านบาท) ณ สนามกอล์ฟ ไทยคันทรี คลับ จ.ฉะเชิงเทรา กระทั่งมาถึงการแข่งขันรอบสุดท้าย เมื่อ 10 พ.ย. 62 จอห์น แคตลิน (สหรัฐ), ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ และ ชีฟ กาปูร์ (อินเดีย) ทำสกอร์มาเท่ากันที่ 11 อันเดอร์พาร์ 273 ทำให้ต้องมาดวลเพลย์ออฟตัดสินเพื่อหาผู้ชนะ ซึ่งใช้หลุม 18 พาร์ 4 ในการตัดสิน
โดย จอห์น แคตลิน ทำ 2 ออน ขึ้นมาจ่อหน้าหลุมระยะ 3 หลา ได้ลุ้นเบอร์ดี้ ขณะที่ ปวิธ ไดร์ฟเข้ารัฟขวา ตีช็อตสองไปตกทรายหน้ากรีน ทำ 3 ออน 2 พัตต์ ออกโบกี้ และ ชีฟ กาปูร์ ทีออฟอยู่รัฟซ้าย ขึ้นไปทำสองออนไกล พัตต์เบอร์ดี้ไม่ลง ก่อนที่ แคตลิน สวิงวัย 28 ปีจากสหรัฐ จะทำเบอร์ดี้ หยิบแชมป์รายการนี้ไปครองสำเร็จ พร้อมรับเงินรางวัลไป 54,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ราวๆ 1.62 ล้านบาท
แคตลิน เผยว่า “มาถึงเพลย์ออฟแล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น และลูกชิพเบอร์ดี้ตอนหลุม 18 ลูกนั้นผมเองคิดว่ามันน่าจะลง แต่ก็พลาดไปอย่างน่าเสียดาย ทำให้ต้องมาเพลย์ออฟ ก็ยอมรับว่าทั้ง ชีฟ และ ปวิธ เป็นนักกอล์ฟที่มีฝีมือ ดีใจที่ผมทำสำเร็จ ผมรักเมืองไทย และที่นี่เหมือนบ้านหลังที่สองของผม การคว้าแชมป์ เนชั่นเนล โอเพ่น ของไทย และได้ครองถ้วยพระราชทานใบนี้ มันพิเศษสำหรับผมมาก”
ด้าน ปวิธ ตั้งกมลประเสริฐ และ ชีฟ กาปูร์ คว้าอันดับสองร่วม รับเงินรางวัลไปคนละ 25,950 เหรียญสหรัฐ (757,740 บาท) โดย ปวิธ ได้รับรางวัล โลคอลโปรที่ทำสกอร์ดีที่สุด พร้อมรับสิทธิ์ร่วมการแข่งขัน “พานาโซนิค โอเพ่น” ที่ประเทศญี่ปุ่นในปีหน้า โดยเผยหลังจบการแข่งขันว่า “แมตช์นี้ถือว่าทำเต็มที่แล้ว แพ้เพลย์ออฟถือว่ารับได้ เพราะจริงก็ไม่คาดคิดมาก่อน ต้องยอมรับว่า จอห์น (แคตลิน) ทำได้ดีมาก และจบด้วยการทำเบอร์ดี้แบบนี้ การคว้าอันดับ 2 ก็ทำให้ตัวเองโล่งใจในระดับหนึ่ง เพราะจะทำให้รักษาการ์ดทัวร์เอาไว้ได้ โดยสัปดาห์หน้าจะไปแข่งต่อที่อินเดีย แล้วกลับมาแข่งที่มาเลเซียต่อไป”