เชื่อว่าเป็นสิ่งที่นักกอล์ฟทุกคนต่างปรารถนา กับการจะเล่นกอล์ฟออกมาให้ได้ผลงานที่ดีที่สุด โดยปัจจัยแรกที่สำคัญอย่างมากคงต้องยกให้วงสวิงของเราเองว่า ทำได้ดีแค่ไหน หรือมีจุดบกพร่องที่ต้องแก้ไขหรือไม่ และอีกหนึ่งปัจจัยตามมาที่ก็สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “ไม้กอล์ฟ”
ไม้กอล์ฟในตลาดปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายรุ่น แต่ปัญหาคือ รุ่นไหนล่ะที่เหมาะกับเรา? หรือก้านตัวใดที่จะเข้ากับวงสวิงของเรามากที่สุด?
และถ้าคุณกำลังมองหาไม้กอล์ฟที่เหมาะกับคุณที่สุด ชนิดทั้งเซ็ตตั้งแต่ไดรเวอร์จนถึงพัตเตอร์ โอกาสของคุณก็มาถึงแล้วกับศูนย์บริการด้านฟิตติ้ง Titleist National Fitting Centre ที่แรกและที่เดียว ณ สนามกอล์ฟธนาซิตี้ คันทรีคลับ ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการกันไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ในโอกาสนี้ทีมงาน HotGolf ได้รับเชิญจากบริษัท แอคูชเน็ท (ประเทศไทย) จำกัด ให้มาเยี่ยมชมศูนย์ฟิตติ้งแห่งใหม่นี้ พร้อมทดสอบเข้ารับการฟิตติ้งที่มี โปรทรงศักดิ์ วงศ์สมุทรไพศาล, Titleist Club Fitting Specialist เป็นผู้ดูแลการฟิตติ้งให้กับเราอย่างใกล้ชิด และเขายืนยันกับเราเลยว่า ถึงแม้อุปกรณ์กอล์ฟของ Titleist นั้นจะมีเทคโนโลยีที่ออกแบบมา “ดี” อยู่แล้ว แต่การมาฟิตติ้งที่นี่จะทำให้คุณได้ไม้กอล์ฟที่ “ดีที่สุด” กลับไปอย่างแน่นอน
ฟิตติ้งครบวงจรตั้งแต่ไดรเวอร์ถึงพัตเตอร์
ที่ Titleist National Fitting Centre นั้นให้บริการฟิตติ้งแบบครบเซ็ตตั้งแต่ไดรเวอร์จนถึงพัตเตอร์ รวมไปถึงลูกกอล์ฟ และตั้งแต่ไดรเวอร์ถึงเวดจ์นั้นมีก้าน aftermarket ให้เลือกจากทุกค่ายทุกแบรนด์มากถึงกว่า 200 ก้าน! ดังนั้นหนึ่งในนี้จะต้องมีก้านที่เหมาะสมและดีที่สุดสำหรับคุณอยู่อย่างแน่นอน ขณะที่การฟิตติ้งจะใช้เครื่อง Trackman 4 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของ Trackman ในการอ่านค่าและวิเคราะห์ผลต่างๆ โดย Trackman 4 นั้นมีจุดเด่นอยู่ที่การสามารถอ่านค่าการสวิงได้ละเอียดตั้งแต่ไดรเวอร์จนถึงเวดจ์ หรือการเล่นลูกสั้นเลยทีเดียว ซึ่งนั่นจะมีประโยชน์อย่างมากในการฟิตติ้งเวดจ์ของ Bob Vokey ที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนมากในเรื่องของเจียรฐาน หรือ Grind โดยเฉพาะรุ่นใหม่ล่าสุด SM7 ที่มีรูปแบบการเจียรฐานถึง 6 แบบเลยทีเดียว
มีความเป็นส่วนตัวสูง เพื่อสมาธิในการฟิตติ้ง
ที่ศูนย์ฟิตติ้งแห่งนี้ ทาง Titleist ลงทุนทำห้องใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะที่บริเวณสนามไดร์ฟของธนาซิตี้ เพื่อให้บรรยากาศการฟิตติ้งค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ช่วยเพิ่มสมาธิให้กับนักกอล์ฟที่เข้ามาฟิตติ้ง อีกทั้งลดอาการเกร็ง หรือประหม่า เมื่อเทียบกับการเดโมไม้กอล์ฟปกติที่ต้องลองไม้ท่ามกลางนักกอล์ฟคนอื่นๆ และทำให้คุณสามารถใช้เวลาทั้งหมดได้อย่างอย่างเต็มที่ในการซักถาม โปรทรงศักดิ์ หรือฟิตเตอร์คนอื่นๆ โดยไม่ถูกขัดจังหวะและรบกวนสมาธิจากบรรยากาศหรือคนรอบข้าง
ฟิตติ้งละเอียดยิบแบบเดียวกับระดับทัวร์
Titleist ตั้งใจให้นักกอล์ฟที่เข้ามารับการฟิตติ้งที่นี่นั้นได้ประสบการณ์แบบเดียวกับการฟิตติ้งในระดับทัวร์ และทัวร์ริ่งโปรของทาง Titleist ก็จะมาฟิตติ้งที่นี่ด้วย ยกตัวอย่าง โปรชินรัตน์ ผดุงศิลป์ ที่เพิ่งเข้ามารับการฟิตติ้งก่อนหน้าเราหนึ่งวัน โดย โปรทรงศักดิ์ ได้โชว์ให้เราดูค่าผลงานต่างๆ หลังเข้ารับฟิตติ้งของ ชินรัตน์ ที่ได้ระยะแคร์รี่และระยะรวมจากไดรเวอร์เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากอัตราสปินจากไดรเวอร์ที่ลดลงจากการเข้ารับการฟิตติ้งนั่นเอง
ดังนั้นการฟิตติ้งที่นี่จึงมีความละเอียดสูง และมีการตรวจสอบในทุกจุดเช่นเดียวกับฟิตติ้งให้โปรในทัวร์ ไล่ตั้งแต่การเริ่มต้นตีบนฐานพลาสติกเพื่อดูรูปแบบการเข้าลูก หรือการมีฐานข้อมูลเป็น fact เพื่อเปรียบเทียบว่า คุณทำได้ดีกว่า, เทียบเท่า หรือน้อยกว่าค่ามาตรฐานแค่ไหน นอกจากนี้การคัสตอมสเป็คของอุปกรณ์ก็ยังค่อนข้างละเอียดยิบย่อย ยกตัวอย่าง การฟิตติ้งเวดจ์ที่ละเอียดถึงขั้นสามารถเลือกองศาย่อยได้มากกว่าเวดจ์ที่วางขายปกติ โดยสามารถสั่งคัสตอม +/- 1 องศาจากเวดจ์ปกติที่จะวางขายเฉพาะองศาที่เป็นเลขคู่ตั้งแต่ 48-62 องศาเท่านั้น
ใช้ลูกกอล์ฟ Pro V1 เพื่อให้ความสม่ำเสมอสูงสุด
การทำงานของเครื่อง Trackman 4 ที่ถือเป็นเครื่องมือหลักในการฟิตติ้งนั้นคือ การใช้ Dual Radar Technology ที่ทาง Trackman พัฒนามานานกว่า 3 ปี กับการใช้ระบบคลื่นความถี่สูง 2 คลื่นเข้ามาจับค่าจากวงสวิงของนักกอล์ฟ เพื่อให้สามารถวัดค่าต่างๆ ได้อย่างละเอียดและแม่นยำ แบ่งเป็น Impact Radar ที่จะจับค่าทุกอย่างของไม้กอล์ฟ ตั้งแต่ก่อน, ระหว่าง และหลังอิมแพ็ค ไม่ว่าจะเป็นแนวเคลื่อนที่ของไม้, มุมหน้าไม้ และมุมเข้าปะทะ ขณะที่อีกหนึ่งคลื่นคือ Ball Flight Radar ที่จะจับค่าทุกอย่างของลูกกอล์ฟตั้งแต่ลูกเหินออกหน้าไม้จนถึงจุดตก และทุกๆ อย่างระหว่างนั้นไม่ว่าจะเป็นการสปินและวิถีความโค้งของไฟลท์บอล
และนี่คือเหตุผลทำให้ที่ศูนย์ฟิตติ้งแห่งนี้ตัดสินใจนำลูกกอล์ฟรุ่นท็อปสุดของแบรนด์อย่าง Pro V1 และ Pro V1x มาใช้ในการฟิตติ้ง แทนที่จะเป็นลูกกอล์ฟซ้อมไดร์ฟเหมือนสนามไดร์ฟอื่นๆ เพราะนั่นจะทำให้คุณได้ใช้ลูกกอล์ฟที่ให้ค่าที่เสถียรและสม่ำเสมอที่สุดสำหรับมาใช้ในการฟิตติ้ง และมีความใกล้เคียงมากที่สุดกับลูกกอล์ฟที่คุณใช้ตีจริงในสนาม
จัดชุมคอมโบ หรือเลือกองศาหน้าไม้ได้ตามใจชอบ
คงไม่มีโอกาสหรือสถานที่ไหนที่จะเหมาะสำหรับการจัดชุมคอมโบเซ็ตเหล็กได้เหมาะกว่า Titleist National Fitting Centre อีกแล้ว เนื่องจากการได้ลองทุกโมเดล, ทุกก้าน และทุกองศา ดังนั้นคุณจะได้โอกาสจัดชุดคอมโบที่ผสมผสานกันระหว่าง 6 โมเดลของซีรี่ส์ 718 ที่ประกอบด้วย AP1, AP3, T-MB ที่อยู่ในกลุ่มเหล็กที่เน้นระยะทาง เข้ากับ AP2, CB และ MB ที่อยู่ในกลุ่มเหล็กเน้นการคอนโทรล โดยมี โปรทรงศักดิ์ และทีมฟิตเตอร์ดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ตลอดจนการจัดองศา loft และ lie อย่างละเอียดในแต่ละเหล็ก อย่างเช่นคุณอาจเลือกวาง AP3 ในเหล็กยาว เนื่องจากคุณสมบัติที่ค่อนข้างตีได้ไกล แล้วเลือก AP2 ในเหล็กสั้น จากคุณสมบัติการคอนโทรลให้เหมาะสมกับการเป็นเหล็กทำสกอร์ ตลอดจนการเลือกไฮบริดมาเข้าคู่กับชุดเหล็ก เพื่อให้เหล็กแต่ละเบอร์นั้นสามารถให้ประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับเกมของคุณมากที่สุด
ลองเวดจ์จากทุกอุปสรรคจริง
หนึ่งในจุดเด่นของฟิตติ้งที่นี่คือ การได้ทดสอบอุปกรณ์บนหญ้าจริง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวดจ์ที่คุณจะได้ทดสอบจากอุปสรรคแบบเดียวกับที่คุณจะต้องเจอในสนาม ไม่ว่าจะเป็นรัฟ, บังเกอร์ทราย และไลหญ้าเตียน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทดสอบเวดจ์ของ Bob Vokey เพราะความละเอียดอ่อนในรูปแบบการเจียรฐานที่มีให้เลือกหลากหลายถึง 6 รูปแบบ อันจะต้องคำนึงจากทั้งรูปแบบการเล่นของคุณว่า ตีกวาด หรือตีชัน ไดวอทบางหรือลึกมากน้อยแค่ไหน เพราะถึงแม้จะเป็นเวดจ์ SM7 ของ Vokey เหมือนกัน แต่ก็มีโอกาสที่บาง Grind จะช่วยให้คุณแก้ไขออกจากทุกอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย แต่ในขณะที่อีก Grind อาจกลับช่วยคุณไม่ได้เลย แถมทำผลงานออกมาแย่อีกต่างหาก
ผมขอยกตัวอย่างตัวผมเองที่ได้ลองฟิตติ้งเวดจ์จากบังเกอร์ทรายและรัฟ โดยส่วนตัวแล้วผมเองเป็นคนชอบเล่นเปิดหน้าไม้มาก และจากการทดสอบผลปรากฎว่า M Grind สามารถช่วยผมเล่นลูกออกจากอุปสรรคได้ดีมาก และการเข้าลูกก็ยอดเยี่ยม เนื่องจาก M Grind นั้นจะมีการเจียรที่ด้านหลังออก ทำให้คนที่ชอบเล่นเปิดหน้าไม้สามารถสอดเข้าลูกได้อย่างเต็มที่ แต่ขณะเดียวกันเมื่อได้ลองแบบ D Grind กลับทำได้ไม่ดีเท่า แม้จะมีการเจียรส่วนหลังออกเช่นกัน แต่มีเบานซ์มากกว่า ซึ่งไม่เหมาะกับผมนั่นเอง และนั่นคือ การได้ทดสอบจริงจากอุปสรรคจริง ดังนั้นเวดจ์ที่คุณได้กลับไปจึงสามารถมั่นใจได้เลยว่า มันจะช่วยคุณได้จริงๆ จากอุปสรรคที่ต้องเจอในสนามอย่างแน่นอน
ได้สเป็คไม้แล้ว สั่งได้เลย
หลังจากเข้ารับการฟิตติ้งแล้ว ถ้าคุณได้สเป็คไม้ที่คุณพอใจ คุณก็จะสามารถซื้อมันมาใช้ได้ทันทีในร้านที่อยู่ติดกัน โดยมีอุปกรณ์ของ Titleist ครบทุกรุ่นทุกชนิด ตลอดจนแอคเซสซอรี่อย่างถุงมือและถุงกอล์ฟ ดังนั้นคุณจึงไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่า อุปกรณ์ที่คุณต้องการจะหาซื้อได้ยาก หรือต้องเดินทางไปไกลเพื่อซื้อมัน หรือในกรณีที่คุณต้องคัสตอมไม้เป็นสเป็คพิเศษ ก็สามารถสั่งกับทางร้านได้ทันทีเช่นกัน โดยจะใช้เวลาในการรอของราว 3 สัปดาห์
ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
เราถาม โปรทรงศักดิ์ ว่า นักกอลฟ์ที่จะมาเข้ารับการฟิตติ้งต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง แต่คำถามคือ “ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรเลย” นอกจากที่คุณเคยมาซ้อมไดร์ฟตามปกติ นั่นคือ คุณต้องนำอุปกรณ์ไม้กอล์ฟของคุณมาเองเพื่อตรวจสอบว่า สเป็คอุปกรณ์ที่ได้จากการฟิตติ้งนั้นดีขึ้นกว่าอุปกรณ์ที่คุณใช้ปัจจุบันอย่างไร รวมไปถึงอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ แต่จำเป็นต้องใช้อย่าง เสื้่อ-กางเกงกอล์ฟ, ถุงมือ และรองเท้ากอล์ฟ
และช่วงแรกนี้ ฟรี!! ไม่มีค่าใช้จ่าย
Titleist National Fitting Centre เปิดให้บริการวันอังคาร-วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. และช่วงแรกนี้นักกอล์ฟสามารถเข้ารับบริการได้ฟรี!! ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยต้องจองเวลาล่วงหน้าเท่านั้นผ่านทางเว็บไซต์ www.titleist.in.th/thailand-club-fitting โดยการฟิตติ้งจะแบ่งตามประเภทอุปกรณ์เป็นไดรเวอร์-หัวไม้แฟร์เวย์, ไฮบริด-ชุดเหล็ก และเวดจ์ ขณะที่นักกอล์ฟที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่โทร 099-595-6593 หรือไลน์ไอดี @titleistthailand