“นิค ฟัลโด้” ผุดไอเดียขัดใจนักกอล์ฟ เมื่อเสนอให้มีการแบนห้ามใช้ “ที” เพื่อแก้ปัญหาที่นักกอล์ฟสมัยใหม่นั้นตีไกลเกินไป ส่งผลต่อเนื่องทำให้สนามกอล์ฟนั้นต้องใช้พื้นที่มากกว่าเดิม
ปัญหาที่นักกอล์ฟโดยเฉพาะผู้เล่นในทัวร์อาชีพนั้นตีไกลเกินไป มีการพูดถึงในวงการกอล์ฟมาพักใหญ่ รวมถึงหนึ่งในนั้นคือ ไทเกอร์ วูดส์ ที่ออกมาพูดถึงในฐานะนักออกแบบสนามกอล์ฟว่า การที่นักกอล์ฟตีได้ไกลเกินไปนั้น ส่งผลต่อนักพัฒนาสนามกอล์ฟ เนื่องจากเป็นการยากที่จะหาที่ดินมารองรับการดีไซน์สนามกอล์ฟยาวๆ ได้ หรือแม้แต่ผู้บริหารของสมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา หรือยูเอสจีเอ ที่ให้ความเห็นพ้องกันว่า การขยับขยายขนาดสนามเพื่อรองรับนักกอล์ฟตีไกล อาจเป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับทางสนาม และนั่นอาจหมายถึงค่าใช้บริการที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่ล่าสุดเป็น นิค ฟัลโด้ อดีตแชมป์เมเจอร์ 6 สมัยชาวอังกฤษ ที่ออกไอเดียแหวกแนวกว่าเพื่อน เมื่อมีการเสนอให้มีห้ามใช้ “ที” เนื่องจากมองเป็นตัวการหลักที่ทำให้นักกอล์ฟใช้อุปกรณ์อย่างไดรเวอร์ได้เต็มประสิทธิภาพมากเกินไป
“ย้อนไปเมื่อสมัยไม้กอล์ฟยังเป็นไม้เพอร์ซิมมอน และลูกกอล์ฟบาลาต้า ในยุคนั้นเรามีนักกอล์ฟที่ตีไกลดีๆ อยู่ไม่กี่คนหรอก เทียบกับสมัยนี้แล้วเรามีนักกอล์ฟที่ตีไดรเวอร์เก่งๆ เยอะมาก ผมไม่อยากจะคิดเลยว่าเรามีนักกอล์ฟมากแค่ไหนที่ตีแคร์รี่ได้ไกลเกินกว่า 300 หลา ในยุคก่อนถ้าหน้าไม้ของคุณคว่ำหน้าลงเพียงเล็กน้อยตอนอิมแพ็คลูก คุณก็จะเจอปัญหาใหญ่แล้ว ตอนนั้นสวีทสปอตของโปรมันคือสวีทสปอตจริงๆ ไม่ใช่สวีทเฟซเหมือนที่เป็นอยู่ในตอนนี้”
“เอาง่ายๆ เลยนะ ถ้าเราแบนทีล่ะ ถ้าเราห้ามใช้ในแมตช์การแข่งขันจะเป็นยังไง เมื่อนักกอล์ฟต้องตีไดรเวอร์จากพื้น พวกเขาก็จะใช้ไดรเวอร์แบบ 6 องศาไม่ได้อีกแล้ว มันจะเปลี่ยนทุกอย่างไปเลยนะ แน่นอนว่าพวกเขาอาจเปลี่ยนไปตีหัวไม้ 3 แทน และนั่นล่ะคือศักยภาพสูงสุดที่แท้จริงของคุณ ผมเพิ่งเห็นตัวเลขของ รอรี่ แม็คอิลรอย มันน่าจะแคร์รี่อยู่ที่ราว 285 หลา แต่ก็นั่นแหละ ยังไงมันก็จะยากมากเมื่อตีด้วยไดรเวอร์จากพื้น” ฟัลโด้ กล่าว
**เข้าร่วมกลุ่มเฟซบุ๊กซื้อ-ขายสินค้าและอุปกรณ์กอล์ฟ HotGolfMart ได้ที่ www.facebook.com/groups/1812945402314135