จัดเป็นไฮไลท์ที่ทุกคนจับตามองอย่างมาก สำหรับการลุ้นแชมป์ในวันสุดท้ายของการแข่งขันพีจีเอทัวร์ รายการฟีนิกซ์ โอเพ่น เมื่อ “จอร์แดน สปีธ” กลับมาคืนฟอร์มมีลุ้นคว้าแชมป์เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่แชมป์สุดท้ายคือ ตั้งแต่ดิโอเพ่น ปี 2017
ในรอบสาม สปีธ ฟอร์มร้อนแรงสุดๆ ทำถึง 10 เบอร์ดี้ ไม่เสียแม้แต่โบกี้เดียว จบรอบ 3 ด้วยสถิติสกอร์ต่ำสุดในชีวิตการเล่นที่ 10 อันเดอร์พาร์ 61 ขยับขึ้นมามีลุ้นแชมป์ในวันสุดท้ายทันที ด้วยการนำร่วมกับ ซานเดอร์ ชอฟเฟล ที่ 18 อันเดอร์พาร์
แม้สุดท้ายจะคว้าแชมป์ไม่สำเร็จ เมื่อตีเกินไป 1 โอเวอร์พาร์ เปิดทางให้ บรูคส์ เคปก้า ที่รอบสุดท้ายทำ 6 อันเดอร์พาร์ แซงคว้าแชมป์ไปครอง…แต่นี่คือสัญญานที่ดีว่า สปีธ คนเดิมกำลังกลับมาอีกครั้ง
ย้อนไปเมื่อปี 2013 สปีธ คือดาวรุ่งที่มาแรงมาก เขาสร้างชื่อมาตั้งแต่สมัยเป็นนักกอล์ฟอเมเจอร์ ขณะที่หลังอายุครบ 20 ปีเพียง 2 สัปดาห์ ก็มาแจ้งเกิดให้กับตัวเองในวงการกอล์ฟอาชีพได้อย่างรวดเร็ว เมื่อคว้าแชมป์จอห์น เดียร์ คลาสสิค ด้วยการเอาชนะเพลย์ออฟ และหลังจากนั้นกราฟชีวิตก็พุ่งทะยานมาตลอด ก่อนปิดท้ายปีด้วยตำแหน่งรุกกี้ออฟเดอะเยียร์ของพีจีเอทัวร์
กระทั่งปี 2015 นี่คือปีที่ สปีธ ไต่ขึ้นถึงจุดสูงสุดในชีวิตการเล่น ทั้งที่เป็นเพียงปีที่ 3 ในการเล่นอาชีพ ด้วยการคว้าแชมป์เดอะมาสเตอร์ส จากผลงานสถิติสกอร์ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ 18 อันเดอร์พาร์, มาคว้าแชมป์เมเจอร์สองรายการต่อกันในยูเอสโอเพ่น ก่อนปิดท้ายด้วยแชมป์ทัวร์แชมเปี้ยนชิพ และคว้าแชมป์เฟดเอ็กซ์คัพ รวมไปถึงการได้ขึ้นครองบัลลังก์นักกอล์ฟมือ 1 โลกเป็นครั้งแรก
ผลงานในปี 2015 ของ สปีธ คือสิ่งที่เป็นปรากฎการณ์อย่างแท้จริง อีกทั้งยังช่วยให้ Under Armour แบรนด์สปอนเซอร์เสื้อผ้าของเขา ประสบความสำเร็จเป็นที่นิยมในวงการกอล์ฟจนถึงปัจจุบันตามไปด้วย
ความมหัศจรรย์ของ สปีธ ถูกตอกย้ำอีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์เมเจอร์ดิโอเพ่น ปี 2017 ทำให้กลายเป็น “ว่าที่” นักกอล์ฟประวัติศาสตร์คนต่อไปที่จะคว้าแชมป์เมเจอร์ครบทั้ง 4 รายการทันที โดยเหลืออีกเพียงแค่ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ รายการเดียวเท่านั้น
จากนักกอล์ฟที่ถูกมองเป็นปรากฎการณ์ แต่หลังจากนั้น สปีธ ฟอร์มตกลงดื้อๆ เขาคว้าแชมป์ไม่ได้เลยมา 3 ปีติดต่อกัน จนอันดับโลกใกล้หลุดท็อป 100 เต็มที
มีรายงานว่า สปีธ พยายามปรับวงสวิงของตัวเอง รวมถึงเพิ่มกล้ามเนื้อให้มากขึ้น เพื่อพยายามเพิ่มระยะไดร์ฟที่มองว่าเป็นจุดอ่อนของตัวเอง แต่ผลเสียที่ตามมาคือ ความแม่นยำในการไดร์ฟลดลง ขณะเดียวกันสิ่งที่เคยเป็นจุดเด่นของเขาอย่างเกมพัตต์ก็กลับไม่เฉียบคมเหมือนที่เคยเป็นมา
แม้จะฟอร์มตกมหาศาล แต่ สปีธ ยังคงเชื่อมั่นในโค้ช คาเมรอน แม็คคอร์มิค ที่ร่วมงานกันมาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ ในกระบวนการปรับสวิงเพื่อที่จะเรียกฟอร์มเก่งกลับมา ขณะเดียวกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมาก็มีรายงานว่าเขาไปขอคำแนะนำ บุช ฮาร์มอน อีกหนึ่งโค้ชคนดังเพิ่มเติมด้วย
ถึงแม้กีฬากอล์ฟจะมีผู้เล่นที่มากมายที่ฟอร์มขึ้นๆ ลงๆ ขึ้นมาคว้าแชมป์แล้วเดี๋ยวก็หายไป แต่ต้องยอมรับว่า สปีธ คือผู้เล่นที่แฟนกอล์ฟเอาใจช่วยให้คืนฟอร์มเก่งกลับมาได้มากที่สุด
นั่นก็เพราะ สปีธ เป็นผู้เล่นที่แฟนๆ รัก เขาเป็นนักกอล์ฟที่มีเสน่ห์ ระหว่างเล่นเขาชอบพูดกับตัวเอง และพูดกับลูกกอล์ฟ ทำให้แฟนๆ รู้สึกสนุกและลุ้นตามไปด้วย
อีกทั้ง สปีธ ยังเป็นผู้เล่นที่มีความเป็นนักกีฬาสูง เป็นตัวแทนของนักกอล์ฟสมัยใหม่ ขณะที่การปฏิบัติตัวกับแฟนๆ ก็ได้รับคำชมมาก ทั้งหมดนี้ทำให้เด็กๆ ที่ชอบเล่นกอล์ฟยึดถือเขาเป็นแบบอย่าง
นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมการกลับมามีลุ้นแชมป์ครั้งนี้ของ สปีธ ถึงกลายเป็นประเด็นใหญ่ของวงการกอล์ฟในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แฟนกีฬาอเมริกันบางคนบอกว่า เขารอดูการแข่งขันรอบสุดท้าย สปีธ มากกว่าซูเปอร์โบวล์ที่แข่งขันในวันเดียวกันเสียอีก
และคือเหตุผลเดียวกันว่า ทำไมชัยชนะของ จอร์แดน สปีธ คือสิ่งที่วงการกอล์ฟรอคอยอย่างแท้จริง…
**สั่งซื้อสินค้ากอล์ฟออนไลน์ผ่าน HotGolf Shop สอบถามสินค้าได้ที่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40hotgolf